Categories
BEAUTY

ลดน้ำหนัก 2 เดือน เคล็ดลับการเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อให้เป้าหมายเป็นจริง

ลดน้ำหนัก 2 เดือน นั้นเป็นไปได้หากคุณวางแผนในการปรับเปลี่ยนชีวิตระยะยาว ไม่ได้เป็นการปรับเปลี่ยนชีวิตเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วคราวเท่านั้น เริ่มตั้งแต่ลดการบริโภคคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี ลดการกินน้ำตาล และลดการกินอาหารแปรรูป เพิ่มการเพาะปลูกนิสัยรักในการออกกำลังกาย ในระหว่างที่คุณกำลังอยู่ในขั้นตอนของการลดน้ำหนัก อย่ากดดันตัวเอง อย่าเพิ่มความเครียดให้กับตัวเองมากจนเกินไป รวมไปถึงหากคุณต้องการเริ่มกินยาลดน้ำหนักเพื่อเป็นตัวช่วยเสริมเราขอแนะนำให้เลือกจากรีวิวแบรนด์ยาลดน้ำหนักที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือเท่านั้น

อย่าลืมตั้งเป้าหมายว่า คุณต้องการลดน้ำหนักเท่าไหร่ในช่วงเวลา 2 เดือนนี้ แต่คำแนะนำของเราคือ คุณสามารถ ลดน้ำหนัก 2 เดือน ได้มากถึง 10 กิโลกรัม หรือคุณจะตั้งเป้าให้น้อยกว่านี้ก็ได้

สำหรับบทความนี้เราจึงรวบรวมข้อมูลมาให้ศึกษาได้แก่ต้องการ ลดน้ำหนัก 2 เดือน ต้องปรับเปลี่ยนนิสัยการกิน,ความพิเศษของการเลือกทานโปรตีนและไขมันดี,ใส่ใจในเรื่องของการนอนหลับ การออกกำลังกาย และความเครียดด้วย, วิธีลดน้ำหนักโดยไม่ต้องนับแคลอรี่ในอาหาร,เคล็ดลับในการกินอาหาร เพื่อลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนเพิ่มเติม และจัดการความเครียดเพื่อสุขภาพจิต และสุขภาพร่างกายที่ยั่งยืน


ต้องการ ลดน้ำหนัก 2 เดือน ต้องปรับเปลี่ยนนิสัยการกิน

ต้องการ ลดน้ำหนัก 2 เดือน ต้องปรับเปลี่ยนนิสัยการกิน

การวิจัยชี้ให้เห็นว่า การรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำจัดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการลดน้ำหนัก แต่คุณไม่จำเป็นต้องอด ไม่จำเป็นต้องทนอยู่กับความรู้สึกหิวโหย เพราะเราจะแนะนำให้คุณกินโปรตีนและไขมันที่มีประโยชน์ตามธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งจะทำให้อิ่มมากกว่าคาร์โบไฮเดรต และไม่เพียงแต่ทำให้คุณอิ่มมากกว่า แต่ยังทำให้อิ่มนานกว่า จึงช่วยลดความอยาก ในการทานขนมหวา นขนมจุกจิก ขนมกรุบกรอบที่มีไขมันสูงต่าง ๆ

คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี จะสร้างจุดสูงสุดและต่ำสุดของระดับน้ำตาลในเลือด (กลูโคสในเลือด) ซึ่งนำไปสู่ความอยากทานคาร์โบไฮเดรตมากขึ้น ทำให้คุณติดอยู่ในวงจรของการอยากกินความหวาน หรืออยากกินแป้งอย่างไม่รู้จักจบ ดังนั้นการเพาะปลูกนิสัยการทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ จึงสามารถลดความอยากเหล่านี้ได้ ทำให้คุณบริโภคอาหารแปรรูปพิเศษน้อยลงและช่วยลดน้ำหนัก


ความพิเศษของการเลือกทานโปรตีนและไขมันดี

การทานโปรตีนและไขมันดี ทำให้ส่งผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง การรับประทานอาหารเหล่านี้มากขึ้นหมายถึงทำให้เกิดความผันผวนของน้ำตาลในเลือดน้อยลงตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับอินซูลิน  ในทางกลับกัน ระดับอินซูลินที่ลดลงสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ เนื่องจากระดับอินซูลินที่สูงอย่างสม่ำเสมอจะส่งเสริมการสะสมไขมันมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม คุณไม่จำเป็นต้องตัดคาร์โบไฮเดรตออกทั้งหมด

เพราะอย่างที่เราได้เน้นย้ำ ถ้าคุณเลือกทานหรือเลือกลดน้ำหนักแบบสุดโต่งมากจนเกินไป คุณจะเกิดภาวะความเครียดและทำได้ไม่นาน คุณยังทานคาร์โบไฮเดรตได้อยู่แต่เลือกคาร์โบไฮเดรตที่มีเส้นใยสูงแทน เช่น มันเทศ ข้าวโอ๊ต หรือพาสต้าโฮลวีต ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ เมื่อคุณต้องการรับประทานคาร์โบไฮเดรต ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น


ใส่ใจในเรื่องของการนอนหลับ การออกกำลังกาย และความเครียดด้วย

ใส่ใจในเรื่องของการนอนหลับ การออกกำลังกาย และความเครียดด้วย

ดังที่เราได้กล่าวไว้ แการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ ปัจจัยที่ส่งผลต่อน้ำหนักของเรา สิ่งสำคัญในการปรับเปลี่ยนชีวิต ทำให้มีสุขภาพที่ดีขึ้นลดไขมันได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น คือ การสร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพเกี่ยวกับการทานอาหาร การออกกำลังกาย การนอนหลับ และระดับความเครียด การใส่ใจองค์ประกอบทั้งหมดเหล่านี้ เป็นกุญแจสู่การเปลี่ยนแปลงในระยะยาว  ถ้าคุณต้องการเห็นผลลัพธ์การลดน้ำหนักใน 2 เดือน ให้สร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพขึ้นมา ได้แก่

  • ทำความเข้าใจกับตัวเองว่า อาหารเพื่อสุขภาพประเภทใดที่คุณชอบ (หรือไม่ชอบ) เพื่อที่คุณจะได้เลือกทานอาหารสุขภาพที่ดีต่อร่างกาย และคุณกินได้อย่างมีความสุข
  • ออกไปเดินเล่นทุกเช้า หรือออกกำลังกายหลังจากเลิกงาน
  • เข้านอนเวลาเดิมทุกคืน
  • ฝึกการมีทัศนคติเชิงบวก
  • พยายามหายใจลึก ๆ ทุกเช้า ทำสมาธิก่อนลุกขึ้นจากเตียง

การเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไปจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่สำคัญในการช่วยให้คุณมีน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพในระยะยาว


เพิ่มการเคลื่อนไหว

นอกเหนือไปจากการเลือกทานอาหารแล้วการปรับเปลี่ยนลักษณะนิสัยของคุณ ให้คุณรักในการเคลื่อนไหว รักในการขยับตัวมากยิ่งขึ้น ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะทำให้คุณนั้นลดน้ำหนักภายใน 2 เดือนได้อย่างเห็นผลจริง คุณไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายนานหลายชั่วโมงทุกวัน ให้เริ่มจากช่วงเวลาเพียงเล็กน้อยก่อนเช่น เริ่มเดินรอบหมู่บ้าน 10 นาที เปลี่ยนจากการขึ้นลิฟต์เป็นการเดินขึ้นบันได เป็นต้น  ในเรื่องของการออกกำลังกายถ้าเคยคุณไม่เคยออกกำลังกายมา ก่อนให้เริ่มต้นจากจุดที่เล็กที่สุด


การนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ ก็ช่วยเรื่องของการลดน้ำหนักได้เช่นเดียวกัน

สิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทราบก็คือการนอนหลับของเรา สามารถส่งผลกระทบต่อน้ำหนักของเราทั้งทางตรงและทางอ้อม

เมื่อคนเรานอนหลับอย่างเพียงพอ (อย่างน้อย 8.5 ชั่วโมง) จะมีอาการหิวน้อยลง กินน้อยลง และมีความอยากอาหารน้อยลงในวันรุ่งขึ้น เมื่อคนกลุ่มเดียวกันได้นอนเพียง 4.5 ชั่วโมง ความอยากอาหารของพวกเขากลับเพิ่มขึ้น พวกเขาไม่สามารถต้านทาน การทานของว่างได้ เช่น คุกกี้ ไอศกรีม และมันฝรั่งทอดกรอบ ดังนั้น การนอนหลับให้เพียงพอหมายความว่าคุณพร้อมที่จะตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพแล้ว พยายามเข้านอนและตื่นนอนเวลาเดียวกันทุกวัน


ลดน้ำหนักโดยไม่ต้องนับแคลอรี่ในอาหาร

ลดน้ำหนักโดยไม่ต้องนับแคลอรี่ในอาหาร

หลาย ๆ คนอาจจะเคยศึกษาวิธีการลดน้ำหนักด้วยเทคนิคการนับแคลอรี่ในมื้ออาหารกันมาบ้าง แต่หลาย ๆ คนก็ลืม หรือหลุดในการนับไปบ้าง หรือบางคนอาจจะไม่ได้มีเวลามากนักในการนับแคลอรี่ในทุก ๆ มื้อที่ได้ทานเข้าไป ดังนั้นวันนี้เราก็จะมาแนะนำเคล็ดลับเพิ่มเติมทำให้คุณ สามารถลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้นภายในระยะเวลา 2 เดือนโดยที่ไม่ต้องมาคอยนั่งนับแคลอรี่ในอาหารทุกจานที่คุณกินกัน

  • จดจ่อกับสิ่งที่คุณกิน เช่น เพิ่มผักและแหล่งโปรตีนในอาหารที่คุณกินให้มากขึ้น
  • จำกัดการทานอาหารแปรรูป เพราะสิ่งนี้จะหลอกสมองให้คุณกินมากขึ้น
  • ฝึกการกินอย่างมีสติด้วยการกิน โดยไม่วอกแวก
  • ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่พอเหมาะ หรือลดได้จะดีมาก

ร่างกายของเราประมวลผลแคลอรี่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าพลังงานมาจากคาร์โบไฮเดรตขัดสี คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น เมล็ดธัญพืช ไขมัน หรือโปรตีน ยกตัวอย่างเช่น การรับประทานคาร์โบไฮเดรตขัดสีมากเกินไป อาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงและส่งเสริมการสะสมไขมัน ในระยะสั้น ระดับน้ำตาลในเลือดที่พุ่งสูงขึ้นอาจทำให้คุณรู้สึกมีพลังงานต่ำและเพิ่มความอยากอาหารรสหวาน


ชีวิตเริ่มต้นที่มื้อเช้า

ขนมอบคาร์โบไฮเดรตสูงและซีเรียลที่มีน้ำตาลสูง เป็นตัวเลือกอาหารเช้ายอดนิยม หลาย ๆ คนต้องการประหยัดเวลาช่วงเช้า จึงมักเลือกอาหารที่แปรรูปมาแล้วและเต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล ดังนั้นคำแนะนำของเราคือให้คุณเริ่มต้นการลดน้ำหนักจากการเปลี่ยนการทานอาหารเช้า โดยคุณอาจจะเลือกรับประทาน ไข่ต้มลดน้ำหนักแทน ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูที่ทำได้ง่ายและเร็วเช่นกัน แต่โปรตีนนั้นเน้น ๆ ในส่วนของแป้งคุณก็อาจจะเปลี่ยนเป็นแป้งขนมปังที่มีส่วนผสมของธัญพืช ขนมปังที่ไม่ขัดสี เป็นต้น


 ฝึกการกินอย่างมีสติ

การกินอย่างมีสติเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้คุณตระหนักมากขึ้นว่า คุณกำลังกินอะไรอยู่ กินไปเท่าไหร่ และทำไมคุณถึงกิน สิ่งนี้สามารถช่วยทำให้คุณควบคุมปริมาณการทานอาหาร และทำให้คุณตระหนักได้มากขึ้นว่า ร่างกายของคุณต้องการอะไรในระยะยาว มีวิธีการฝึกในการกินอย่างมีสติดังนี้

  • หลีกหนีจากสิ่งรบกวน เช่น ทีวี โต๊ะทำงาน หรือโทรศัพท์มือถือ
  • การกินช้า ๆ ช่วยทำให้คุณรักษาระดับความหิวและความอิ่มไว้ได้
  • ก่อนรับประทานอาหาร ควรมองและดมกลิ่นอาหารของคุณสักครู่ ในขณะที่รับประทานอาหาร ให้จดจ่อกับรสชาติขององค์ประกอบแต่ละอย่างในปากของคุณ และลิ้มรสอาหารแต่ละคำ

ฝึกการกินอย่างมีสติโดยให้ความสนใจกับอาหารของคุณ จะช่วยลดการรับประทานอาหารของคุณ โดยป้องกันการกินมากเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจ


เคล็ดลับในการกินอาหาร เพื่อลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนเพิ่มเติม

การนับแคลอรี ไม่ใช่พฤติกรรมที่ยั่งยืน แม้ว่าคุณอาจเห็นความสำเร็จในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วจะเป็นวิธีที่ทำได้ยากมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณ เป็นคนที่เรียนหนักหรือทำงานหนักหรือมีกิจกรรมในชีวิตอื่น ๆ หนักอยู่แล้ว โดยคุณสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินของตัวเองได้แบบง่าย ๆ ด้วยการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ดีต่อสุขภาพและต่อการลดไขมันมากกว่าดังนี้

  • เลือกของว่างที่มีโปรตีนสูง เช่น ไข่ต้ม หรือถั่ว แทนที่จะเป็นของว่างที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง
  • จัดการความเครียดเพื่อไม่ให้คุณตกอยู่ในภาวะ “เครียดจนกินไม่ลง”
  • ไม่ดื่มเครื่องดื่มหรือกินขนมที่มีความหวาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม น้ำชง น้ำผลไม้กล่อง น้ำผลไม้ปั่นที่มีความหวานสูง หากต้องการเพิ่มความสดชื่นแนะนำให้ดื่มชาเขียว ชาลดน้ำหนัก หรือกาแฟดำแทน
  • ไม่กินของที่มีความเค็มมากจนเกินไป หรือปรับเปลี่ยนนิสัยด้วยการลดการเติมความเค็มลงในมื้ออาหาร เช่น ลดการทานพริกน้ำปลา หรือเลิกใช้น้ำปลาในการปรุงก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น
  • จัดลำดับความสำคัญของการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ โดยจำกัดความเครียดในตอนเย็น และงดใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 1 ชั่วโมงก่อนนอน

จัดการความเครียดเพื่อสุขภาพจิต และสุขภาพร่างกายที่ยั่งยืน

จัดการความเครียดเพื่อสุขภาพจิต และสุขภาพร่างกายที่ยั่งยืน

จากการศึกษาพบว่าคนที่อยู่ในกลุ่ม “เครียด” มักเลือกอาหารที่มีรสหวาน ไขมันสูง และอาหารที่มีพลังงานสูงโดยรวมเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่เครียด หากพฤติกรรมเหล่านี้ดำเนินต่อไปเป็นเวลานาน น้ำหนักก็จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่าความเครียดเรื้อรังจะเพิ่มระดับอินซูลิน ส่งเสริมการสะสมไขมันของร่างกาย ดังนั้นการออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดินหรือโยคะ และการทำสมาธิเป็นอาวุธที่ดีที่สุดในการป้องกันความเครียดเรื้อรัง และสามารถเพิ่มสุขภาพจิตที่ดีของคุณได้ ทุกคน สามารถเริ่มต้นทำสมาธิหรือการโฟกัสได้ด้วยการ หายใจเข้าลึก ๆ 2 นาทีโดยหลับตาในช่วงที่คุณพึ่งตื่นนอน


คุณจะเห็นได้ว่าการ ลดน้ำหนัก 2 เดือน ไม่ได้เป็นการปรับเปลี่ยนเพียงแค่สารอาหารที่คุณทานเข้าไปเท่านั้น แต่ยังต้องปรับเปลี่ยนทุก ๆ องค์ประกอบของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย การนอน การจัดการกับความเครียด ซึ่งถ้าคุณสามารถลดน้ำหนัก และปรับปรุงการใช้ชีวิตของคุณให้ดีขึ้นได้ เราเชื่อว่าสิ่งที่คุณจะได้รับกลับมา ไม่ได้มีเพียงแค่รูปร่างที่ดูดีขึ้น ไม่ได้มีเพียงแค่สุขภาพที่ดูดีขึ้น แต่ยังรวมถึงการมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นราวกับคุณได้กลายเป็นคนใหม่ ที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ไม่มีอุปสรรคในเรื่องสุขภาพอีกต่อไป และใช้ชีวิตได้แบบมีความสุข


อ้างอิง : 7 ways to lose weight without counting calories. https://www.secondnature.io/guides/nutrition/lose-weight-without-counting-calories

Categories
BEAUTY

ลดน้ำหนัก 30 กิโล เป็นเป้าหมายที่ยากแต่สามารถทำได้!

ลดน้ำหนัก 30 กิโล  ถือเป็นเป้าหมายที่ท้าทาย แต่คุณจะทำได้สำเร็จอย่างแน่นอน ด้วยความทุ่มเท ความมุ่งมั่น และวิธีการลดน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพ  การลดน้ำหนักอย่างมั่นคงและยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จในระยะยาว แนะนำให้คุณตั้งเป้าลดน้ำหนักให้ได้ 0.5-1 กิโลกรัม  ต่อสัปดาห์ซึ่งถือเป็นอัตราที่ดี

นอกเหนือไปจากการควบคุมอาหารแล้ว ผู้ที่มีน้ำจากตัวเยอะ ถ้าคุณต้องการ ลดน้ำหนัก 30 กิโล เราขอแนะนำให้คุณออกกำลังกายหรือรับประทานอาหารเสริมอย่างการซื้ออาหารเสริมลดน้ำหนักมารับประทานควบคู่ไปด้วย เพราะว่าจะช่วยเป็นการกระตุ้นอัตราการเผาผลาญไขมันให้เร็วขึ้น และที่สำคัญคือเป็นการปกป้องไม่ทำให้ผิวหนังเกิดความย้วยยาน สิ่งสำคัญคือ คุณต้องมุ่งเน้นไปที่มุมมองในระยะยาวมากกว่า และยึดมั่นในการลดน้ำหนักด้วยการดำเนินวิถีชีวิตที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืน

ภานในบทความนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับกาเริ่มต้นลดน้ำหนัก 30 กิโล ด้วยการปรับนิสัยการกิน, เริ่มต้นออกกำลังกายด้วยการ “เดิน”,เริ่มต้นวันใหม่ด้วยพลัง,ทำไมคนลดน้ำหนัก ถึงแนะนำให้เน้นกินโปรตีน, โฟกัสไปที่สุขภาพ อย่าโฟกัสไปที่ความสวยงามเพียงด้านเดียว,ลดการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ และรวมเคล็ดลับ ในการลดน้ำหนัก 30 กิโลให้คุณไปถึงฝันได้ง่ายขึ้น


เริ่มต้น ลดน้ำหนัก 30 กิโล ด้วยการปรับนิสัยการกิน

ลดน้ำหนัก 30 กิโล

หากคุณมีนิสัยชอบกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เมื่อคุณรู้สึกเหงา หรือเครียด ถึงเวลาที่คุณจะต้องเปลี่ยนนิสัยในการทานอาหารแล้ว เพราะการทานอาหารตามอารมณ์ ไม่ได้เป็นการทานอาหารเพราะคุณรู้สึกหิวจริง ๆ หรือไม่ได้เป็นการทานอาหารที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพให้กับร่างกาย จะทำให้คุณนั้นมีน้ำหนักส่วนเกินเยอะมาก และเป็นการกินแบบไม่รู้ตัว ขั้นแรกของการ ลดน้ำหนัก 30 กิโล คือ คุณจะต้องทำความเข้าใจก่อนว่า คุณจะต้องเปลี่ยนนิสัยและวิถีชีวิตในหลาย ๆ ด้าน

โดยเฉพาะในเรื่องของการทานอาหารและการออกกำลังกาย ก่อนอื่นต้องเริ่มลดจากการรับสารอาหารที่ไม่จำเป็นเข้าไปในร่างกายเสียก่อน นั่นก็คือการกินแป้งเยอะไป การกินน้ำตาลเยอะเกินไป และอีกหนึ่งกลยุทธ์ง่าย ๆ ก็คือการดื่มน้ำแก้วใหญ่ทุกครั้งที่คุณรู้สึกอยากกินของว่าง ซึ่งคุณจะพบว่าเทคนิคนี้สร้างความอัศจรรย์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ เพราะช่วยลดความอยากทานขนม หรือลดการทานอาหารจุกจิกได้จริง ๆ


เริ่มต้นออกกำลังกายด้วยการ “เดิน”

สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก และไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นออกกำลังกายอย่างไรดี เพราะว่าไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน และกลัวว่าถ้าออกกำลังกายมากเกินไป อาจจะส่งผลเสียเช่น เกิดการปวดเข่า ปวดข้อตามมา คำแนะนำของเราคือเริ่มต้นการออกกำลังด้วย

“การเดิน” การเดินเพียง 20-30 นาทีต่อวันสามารถช่วยทำให้คุณลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น จะมีการเผาผลาญไปประมาณ 100 -200 แคลอรี เมื่อน้ำหนักตัวหรือไขมันของคุณลดลง จนรู้สึกว่าร่างกายเบาขึ้น สบายขึ้น คุณสามารถปรับเปลี่ยนจากการเดินเป็นการวิ่งเหยาะ ๆ หรือการออกกำลังกายประเภทเวทเทรนนิ่งร่วมด้วยได้ แต่ ณ ตอนนี้ให้ “เริ่มต้น” เสียก่อน


เริ่มต้นวันใหม่ด้วยพลัง

เริ่มต้นวันใหม่ด้วยพลัง

ทุก ๆ เช้าหลังตื่นนอน ก่อนที่คุณจะออกไปทำกิจกรรมส่วนตัว ไม่ว่าจะออกไปเรียน ออกไปทำงาน คุณควรรับประทานอาหารเช้าเพื่อสุขภาพที่อุดมด้วยโปรตีนและไฟเบอร์เสมอ วิธีนี้ไม่เพียงแต่ช่วยทำให้คุณมีแรง แต่ยังช่วยทำให้คุณลดน้ำหนักได้เร็วขึ้นทำให้อิ่มไม่อยากกินของว่างก่อนมื้อเที่ยง การทานอาหารมื้อแรกในตอนเช้ายังช่วยเร่งการเผาผลาญของคุณ

เลิกรับประทานอาหารที่มีแป้งและน้ำมันสูง (หรือรับประทานให้น้อยลง) เช่น ปลาท่องโก๋ หมูปิ้งที่มีรสชาติหวานจัด ข้าวเหนียว แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มีช่วงเช้ายุ่งมาก คุณสามารถเลือกรับประทานอาหารเช้าแบบง่าย ๆ ได้ เช่น ไข่ต้มกับขนมปังที่ไม่ขัดสี และแนะนำให้ทานดื่มกาแฟดำ หรือกาแฟที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล นมข้น น้ำเชื่อมใด ๆ ทั้งสิ้น


ดื่มน้ำเปล่าเท่านั้น

ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบดื่มน้ำหวาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำอัดลม น้ำชง น้ำที่มีส่วนผสมของน้ำตาลต่าง ๆ แนะนำให้คุณเปลี่ยนจากการดื่มน้ำหวานเหล่านี้ให้กลายมาเป็นการดื่มน้ำเปล่า โดยแนะนำให้คุณกระดกน้ำเปล่าให้เป็นนิสัย แล้วคุณจะเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงจากการลดน้ำหนักได้เร็วมาก เพราะน้ำไม่เพียงแค่ให้ความชุ่มชื้นแก่ร่างกาย แต่ยังช่วยยับยั้งความอยากอาหารของคุณอีกด้วย ทำให้คุณไม่อยากทานของว่าง หรือลดความอยากให้ลดลง


ทำไมคนลดน้ำหนัก ถึงแนะนำให้เน้นกินโปรตีน  

เพราะโปรตีนมีพลังงานต่อกรัมน้อยกว่าไขมันและคาร์โบไฮเดรต และร่างกายของเราจะสลายและเก็บเป็นไขมันได้ยากขึ้น ดังนั้นโปรตีนจึงเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า การทานอาหารที่อุดมด้วยคาร์โบไฮเดรต โดยคุณสามารถพบโปรตีนได้ในเนื้อไม่ติดมัน ไก่ พืชตระกูลถั่ว หรือปลา แนะนำให้คุณทานอาหารที่ไม่ได้เป็นอาหารแปรรูปเช่น ไส้กรอก โบโลน่า ปูอัดแท่ งอื่น ๆ เพราะอุดมไปด้วยโซเดียม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญทำให้ร่างกายของเรามีความบวม


โฟกัสไปที่สุขภาพ อย่าโฟกัสไปที่ความสวยงามเพียงด้านเดียว

โฟกัสไปที่สุขภาพ อย่าโฟกัสไปที่ความสวยงามเพียงด้านเดียว

หลาย ๆ คนรู้สึกเครียดกับภาวะความอ้วนที่กำลังเกิดขึ้นกับตนเอง ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ทำให้เกิดความซึมเศร้าและนอกเหนือไปจากการส่งผลที่ไม่ดีทางด้านจิตใจแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นความอ้วนยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณ ดังนั้นเราจึงเน้นย้ำผู้ที่อยากจะลดน้ำหนัก ลดไขมันอยู่เสมอว่า อย่าโฟกัสไปที่ความสวยงามของรูปร่างภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ให้โฟกัสไปที่เรื่องของสุขภาพด้วย เพราะสุขภาพเป็นสิ่งที่มีความสำคัญ ต่อชีวิตของเราเป็นอย่างมาก และในส่วนนี้เราก็จะมาแนะนำข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อที่จะทำให้คุณนั้น ประสบความสำเร็จจากการ ลดน้ำหนัก 30 กิโล ได้ง่ายมากขึ้นกัน


1. กินเพราะเครียด

เมื่อใดก็ตามที่หลาย ๆ คนรู้สึกเบื่อ เหนื่อย หรือเศร้า คุณอาจต้องการกินของว่างที่มีแคลอรี่สูงเพื่อชดเชยความเครียดที่เกิดขึ้นในจิตใจ ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันการเกิดสถานการณ์ดังกล่าว คุณสามารถแทนที่ของว่างที่เป็นขนมกรุบกรอบ ด้วยอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น ถั่ว เมล็ดพืช หรือผลไม้ที่มีความหวานน้อย


2. เดินกลับบ้านจากที่ทำงาน แทนการขับรถ

หากคุณอาศัยอยู่ในระยะที่เดินไปถึงที่ทำงานได้ คุณสามารถเผาผลาญแคลอรีจำนวนมากต่อวันได้เพียงแค่เดินกลับบ้านในตอนเย็นแทนการขับรถ นอกจากนี้ เมื่อไปถึงออฟฟิต ให้คุณเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในการใช้ชีวิตเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จะนำไปสู่ผลลัพธ์อันยิ่งใหญ่ และเชื่อเลยว่าถ้าคุณก้าวสู่บันไดขั้นแรกได้แล้ว บันไดก้าวที่ 2 ที่ 3 คุณจะทำได้ง่ายขึ้น


3. หลีกเลี่ยงการดูทีวีมากเกินไป

คุณสามารถทดแทนเวลานี้ด้วยการทำกิจกรรมอื่น ๆ เช่น ออกกำลังกาย แม้ว่าจะเป็นเพียงการเดินเล่นสบาย ๆ แค่เปลี่ยนเวลา 30 นาทีต่อวันเพื่อทำสิ่งที่มีประสิทธิผลมากกว่าการดูทีวีก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี  การเริ่มต้นลดน้ำหนัก 30 กิโลไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยการกระทำอันยิ่งใหญ่ แต่เริ่มต้นจากการกระทำเล็ก ๆ เพื่อนำไปสู่ผลลัพธ์อันใหญ่ยิ่ง


4. ลดการบริโภคน้ำตาลและแป้งของคุณ

การลดคาร์โบไฮเดรตจะทำให้คุณสามารถควบคุมความอยากอาหารได้ดีขึ้น และจบลงด้วยการรับประทานแคลอรีน้อยลง หลังจากนั้นร่างกายของคุณจะเริ่มดึงเอาไขมันที่สะสมไว้ออกมาใช้ แทนการเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตโดยตรงเพื่อเป็นพลังงาน ซึ่งนำไปสู่การลดน้ำหนักอย่างมาก


5. กินผักและอาหารที่อุดมด้วยโปรตีน ให้มากขึ้น

การทานอาหารประจำวันของคุณควรมีโปรตีนและผักคาร์โบไฮเดรตต่ำด้วย การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการรับประทานอาหารเช้าที่มีโปรตีนสูง สามารถลดความอยากอาหารและปริมาณแคลอรีของคุณลงได้อย่างมากในช่วงที่เหลือของวัน การกินอาหารลดความอ้วนง่ายๆ เช่น ไข่ ปลา หมู หรือเนื้อแกะ สามารถลดความอยากอาหารของคุณได้มากถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และผักยังเป็นแหล่งใยอาหารชั้นดีที่ช่วยลดระดับความหิวของคุณได้


6. หลีกเลี่ยงการดื่มโซดา น้ำอัดลม และน้ำผลไม้เทียม

น้ำอัดลมและน้ำผลไม้เทียมนั้นเต็มไปด้วยน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการดัดแปลงจำนวนมาก ซึ่งไม่มีคุณค่าทางโภชนาการและมีแต่จะเพิ่มน้ำตาลให้กับร่างกายของคุณ การดื่มน้ำเปล่าแทนเมื่อคุณรู้สึกกระหายน้ำ ยังสามารถลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับตลอดทั้งวันได้อย่างมาก ในขณะที่ยังคงรักษาความสดชื่นและความชุ่มชื้นเอาไว้ให้กับร่างกายของคุณ


ลดการดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่

การสูบบุหรี่จะรบกวนการผลิตเอนไซม์ ซึ่งจะทำหน้าที่ขัดขวางกระบวนการย่อยอาหารของคุณในระดับที่ดี นอกจากนี้ การจำกัดปริมาณแอลกอฮอล์ยังสร้างความแตกต่างอย่างมากในการลดน้ำหนัก เพราะมีแคลอรี่ซ่อนอยู่อย่างที่คุณอาจจะคาดไม่ถึง

ยกตัวอย่างเช่น มี 70 แคลอรี่ในจิน 1 ช็อต มี 85 แคลอรี่ในไวน์แดง 1 แก้ว ส่วนเบียร์มีปริมาณแคลอรี่ใกล้เคียงกัน ดังนั้นการดื่ม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์เหล่านี้ 4 – 5 แก้วในวันหยุดสุดสัปดาห์ และดื่มในทุก ๆ สัปดาห์ จะเพิ่มแคลอรี่ให้กับคุณได้อย่างมากเลยทีเดียว


รวมเคล็ดลับ ในการลดน้ำหนัก 30 กิโลให้คุณไปถึงฝันได้ง่ายขึ้น

รวมเคล็ดลับ ในการลดน้ำหนัก 30 กิโลให้คุณไปถึงฝันได้ง่ายขึ้น

และนอกเหนือจากข้อมูลและความรู้ที่เราได้แนะนำกันไปข้างต้นแล้ว มาดูเคล็ดลับเพิ่มเติมในการลดน้ำหนัก 30 กิโลของคุณอย่างยั่งยืนกันดีกว่า

  • หยุดกินน้ำตาล เพราะสิ่งนี้ทำให้คุณเกิดการเสพติดและทำให้อ้วน
  • อย่าดื่มเครื่องดื่มที่มีฟอง หรือน้ำผลไม้ที่เต็มไปด้วยน้ำตาล
  • การทำอาหารของคุณใน 1 มื้อ การทานโปรตีนควรมีขนาดเท่าฝ่ามือและมีผักใบเขียวจำนวนมาก
  • ลดการทานคาร์โบไฮเดรตของคุณอย่างจริงจัง ไม่กินพาสต้า มันฝรั่ง หรือข้าวขาว ในส่วนของแป้งขนมปังและข้าวให้เปลี่ยนไปกินแป้งขนมปังที่มีธัญพืชหรือไม่ขัดสี ส่วนข้าวก็ให้เลือกข้าวที่ไม่ขัดสีอย่าง เช่น ข้าวไรซ์เบอรี่หรือข้าวกล้อง
  • พยายามกินอาหารแปรรูปให้น้อยลง ซื้ออาหารสดให้มาก
  • เดิน 10,000 ก้าวต่อวัน สิ่งนี้ไม่เพียงดีต่อร่างกายของคุณเท่านั้น แต่ยังช่วยในด้านของจิตใจอีกด้วย
  • เริ่มกินอาหารเวลา 10.00 น. และเลิกกินเวลา 19.00 น. หรือคุณอาจปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ และช่วงเวลาในการใช้ชีวิตของคุณ
  • พยายามอย่าเครียด เพราะความเครียดจะทำให้น้ำหนักขึ้น
  • ดื่มชาเขียวหรือเลือกดื่มชาลดน้ำหนักมากกว่าชาอื่น ๆ ซึ่งช่วยลดน้ำหนัก
  • ฉลองความสำเร็จของคุณด้วยอะไรก็ได้ หลังจากที่คุณลดน้ำหนักได้ 5 กิโล 10 กิโล 15 กิโล ทุก ๆ ความพยายามของคุณควรได้รับการเฉลิมฉลอง เช่น อาจจะซื้อทริปไปเที่ยวให้กับตัวเอง ช้อปปิ้งในวงเงินที่กำหนดเพื่อซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ เป็นต้น

และสิ่งสุดท้ายที่เราอยากจะบอกก็คือ “อย่ายอมแพ้” อย่าหยุดเด็ดขาด แม้ว่าในบางช่วงเวลาคุณอาจจะท้อ อาจจะเจอกับความคำสบประมาทคำดูถูกแต่ก็อย่าไปสนใจแ นะนำให้โฟกัสไปที่เป้าหมายที่คุณต้องการเท่านั้น และสุดท้ายเราขอให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้ตามที่ต้องการ มีสุขภาพที่ดีขึ้น มีจิตใจที่แจ่มใสมากยิ่งขึ้น


อ้างอิง : How To Lose 20kg, 30kg or Even 40kg The Smart Way. https://efm.net.au/How-To-Lose-20kg-30kg-40kg

Categories
BEAUTY

ลดน้ําหนักด้วยไข่ต้ม บริโภคอย่างไรให้ปลอดภัยในการลดน้ำหนัก

“ไข่ต้มลดน้ำหนัก” เป็นวิธีควบคุมอาหารเสริมที่อุดมไปด้วยโปรตีน และคุณค่าทางโภชนาการในอาหารลดน้ำหนัก อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคุณคือต้อวางแผนการ ลดน้ําหนักด้วยไข่ต้ม โดยให้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการรับประทานอาหารในการลดน้ำหนักที่สมดุล และหลากหลายไปด้วยสารอาหาร  ถึงจะลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืนและไม่ขาดสารอาหาร ไข่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ โดยไข่ต้ม 1 ฟองมีประมาณ 78 แคลอรี่  

วิธีทานไข่เพื่อลดน้ำหนักอย่างถูกต้อง คุณต้องทานร่วมกับอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารอื่น ๆ เพราะแม้ว่าไข่จะให้โปรตีน แต่ควรทานรวมกับอาหารอื่น ๆ เพื่อทำให้แน่ใจว่าคุณได้รับสารอาหารที่หลากหลาย จับคู่การทานไข่ต้มกับผัก ธัญพืชเต็มเมล็ด และไขมันดีเพื่อสร้างอาหารที่สมดุล สิ่งนี้จะช่วยให้คุณรู้สึกพึงพอใจในการทานอาหารมากขึ้น และให้สารอาหารที่จำเป็นหลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้อาจมองหารีวิวยาลดน้ำหนักที่ควรซื้อเพิ่มเติม เพื่อใช้เป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนัก

สำหรับบทความนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลดน้ําหนักด้วยไข่ต้ม ตัวช่วยของการลดไขมัน,คำแนะนำในการกินไข่ต้มลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี,วิธีปฏิบัติกินไข่ต้มลดน้ำหนัก,อาหารที่สามารถทานได้ ทานคู่กับไข่ต้ม,แนะนำให้หลีกเลี่ยงการทานอาหารเหล่านี้!,ไข่ต้มช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่? และ 9 ประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการทานไข่ต้มเป็นประจำ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย


ลดน้ําหนักด้วยไข่ต้ม ตัวช่วยของการลดไขมัน

ลดน้ําหนักด้วยไข่ต้ม

การทานไข่ต้มเป็นอาหารที่ช่วยในการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว แต่คุณต้องทานร่วมกับโปรตีนไม่ติดมันอื่น ๆ ผักที่ไม่มีแป้ง และเสริมด้วยผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ แม้ว่าการทานไข่ต้มจะเป็นการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และช่วยส่งเสริมการลดน้ำหนักในระยะเวลาอันสั้น แต่ก็เป็นการกินแบบจำกัดมากเกินไปและไม่ยั่งยืน น้ำหนักที่คุณลดไปอาจกลับมาได้อีกครั้งเมื่อคุณกลับไปรับประทานอาหารตามปกติ ถ้าคุณกินแบบจำกัดแคลอรี่มากจนเกินไป ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำให้คุณได้ทำความรู้จักกันว่า ต้องกินไข่ยังไงถึงจะช่วยลดไขมันได้ดี และมีความยั่งยืน


คำแนะนำในการกินไข่ต้มลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี

แนะนำให้คุณรับประทานไข่ร่วมกับโปรตีนไร้มันชนิดอื่น ๆ ในทุกมื้ออาหาร รวมทั้งผักที่ไม่มีแป้งและผลไม้คาร์โบไฮเดรตต่ำ 1-2 ที่ต่อวัน เนื่องจากเป็นการทานอาหารมีคาร์โบไฮเดรตและแคลอรี่ต่ำ คาดว่าจะทำให้คุณสามารถลดน้ำหนักได้ 11 กิโลกรัม ในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ช่วยจัดการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด  และเสริมสร้างความแข็งแรงกระดูก ผม และเล็บของคุณ


วิธีปฏิบัติกินไข่ต้มลดน้ำหนัก

วิธีปฏิบัติกินไข่ต้มลดน้ำหนัก

การ ลดน้ําหนักด้วยไข่ต้ม ในช่วงเช้า ให้คุณรับประทานไข่อย่างน้อย 2 ฟอง พร้อมทานผักที่ไม่มีแป้ง เช่น มะเขือเทศหรือหน่อไม้ฝรั่ง 1 มื้อ และผลไม้คาร์โบไฮเดรตต่ำ 1 ชนิด เช่น ส้มโอ ส่วนมื้อกลางวันและมื้อเย็น ให้ทานไข่ต้มคู่กับผักที่ไม่มีแป้งและไข่หรือโปรตีนไม่ติดมันชนิดอื่น เช่น ไก่หรือปลา และขอแนะนำให้คุณออกกำลังกายเบา ๆ เช่น ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิก หรือเดินเร็วเพื่อเพิ่มผลลัพธ์ในการลดน้ำหนักสูงสุด


อาหารที่สามารถทานได้ ทานคู่กับไข่ต้ม

สำหรับใครที่สงสัยว่าลดความอ้วนกินอะไรดี ? เราขอแนะนำอาหารลดน้ำหนัก ใน 1 มื้อ ควรประกอบด้วยไข่ โปรตีนไม่ติดมัน และผักและผลไม้คาร์โบไฮเดรตต่ำเป็นส่วนใหญ่

และดื่มเครื่องดื่มที่ปราศจากแคลอรี่ เช่น น้ำเปล่าและชาหรือกาแฟไม่หวาน ไม่ใส่นมหรือครีมและไม่ใส่น้ำตาลใด ๆ ทั้งสิ้น

เราขอแนะนำอาหารสำหรับคนลดน้ำหนัก ดังนี้

  • ไข่: กินไข่ทั้งฟองและไข่ขาว
  • โปรตีนไม่ติดมัน: เนื้อไก่ไม่ติดหนัง ปลา และเนื้อแกะ เนื้อวัว และเนื้อหมูไม่ติดมัน
  • ผักที่ไม่มีแป้ง: ผักโขม เคล ผักร็อกโคลี พริกหยวก ซูกินี กระหล่ำปลี และมะเขือเทศ
  • ผลไม้คาร์โบไฮเดรตต่ำ: แตงโม เบอร์รี่ และเกรปฟรุต
  • ไขมันและน้ำมัน: น้ำมันมะพร้าว
  • เครื่องดื่ม: น้ำเปล่า ชาและกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
  • สมุนไพรและเครื่องเทศ: กระเทียม โหระพา ขมิ้น พริกไทย โรสแมรี่ และออริกาโน
  • ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำ: นมพร่องมันเนย โยเกิร์ตและชีสไขมันต่ำ

แนะนำให้หลีกเลี่ยงการทานอาหารเหล่านี้!

นอกเหนือไปจากการกินไข่ต้มเพื่อลดน้ำหนักแล้ว แนะนำให้คุณลดการทานคาร์โบไฮเดรต รวมถึงลดหรืองดการทานผักที่มีแป้ง ธัญพืช และผลไม้หลายชนิด เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล มีความหวานก็ห้ามเช่นกัน เช่นเดียวกับอาหารแปรรูป เช่น ขนมขบเคี้ยวที่มีรสหวานและเค็ม อาหารแช่แข็ง และอาหารจานด่วน โดยเฉพาะอาหารเหล่านี้

  • ผักที่มีแป้ง: มันฝรั่ง มันเทศ ข้าวโพด
  • ผลไม้คาร์โบไฮเดรตสูง: กล้วย สับปะรด มะม่วง และผลไม้แห้ง
  • ธัญพืชที่ผ่านการขัดสี: ขนมปัง พาสต้า เส้นก๋วยเตี๋ยวที่มีการขัดสี
  • อาหารแปรรูป: เบคอน อาหารสะดวกซื้อ อาหารจานด่วน มันฝรั่งทอด เพรทเซล คุกกี้ และขนมหวาน
  • เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล มีความหวาน: โซดา น้ำผลไม้ ชาหวาน และเครื่องดื่มเกลือแร่

ไข่ต้มช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่?

ไข่ต้มช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่?

ถ้าคุณทานไข่ต้มคู่กับอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ เช่น ไข่ ผักที่ไม่มีแป้ง และผลไม้คาร์โบไฮเดรตต่ำ ซึ่งก็จะนำไปสู่การลดการรับแคลอรี่เข้าสู่ร่างกาย ทำให้คุณบริโภคแคลอรี่น้อยกว่าที่คุณเผาผลาญไปตลอดทั้งวัน ช่วยในการลดน้ำหนัก

  • ไข่ต้มเป็นอาหารที่คาร์โบไฮเดรตต่ำ ซึ่งช่วยในการลดน้ำหนัก
  • เป็นวิธีการที่ปลอดภัยเหมาะสำหรับการลดน้ําหนักหลังคลอด เนื่องจากในช่วงนี้คุณแม่จำเป็นต้องเสริมโปรตีน
  • การศึกษา 12 ชิ้นพบว่าหลังจากรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำในระยะสั้น ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างมีนัยสำคัญและปรับปรุงปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคอื่น ๆ หลายประการ เช่น โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิต
  • การศึกษาใน 164 คนที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนพบว่า การรับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำเป็นเวลา 20 สัปดาห์ช่วยเพิ่มการเผาผลาญ และลดระดับฮอร์โมนเกรลินที่หิวโหยได้อย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับอาหารคาร์โบไฮเดรตสูง

9 ประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการทานไข่ต้มเป็นประจำ

9 ประโยชน์ที่คุณจะได้รับจากการทานไข่ต้มเป็นประจำ

ไข่เป็นแหล่งของโปรตีน แคลเซียม ตลอดจนวิตามินและสารอาหารหลาย ถ้าคุณรับประทานไข่ต้มเป็นมื้อเช้า แทนการทานของทอด แทนการทานแป้งต่าง ๆ คุณจะได้รับประโยชน์มากมายมหาศาล นอกจากจะสะดวก ทานเป็นอาหารเช้าที่สะดวกแล้วยังช่วยในการลดน้ำหนักได้ดี และยังให้พลังงานตั้งแต่เช้าในระดับสูง

1. เป็นการทานที่มีคุณค่าทางโภชนาการ

แม้ว่าไข่จะมีขนาดค่อนข้างเล็ก แต่ไข่ก็มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย และสามารถเป็นอาหารหลักที่สำคัญในอาหารที่สมดุล

ไข่ต้มขนาดใหญ่ 1 ฟองมีประมาณ 77 แคลอรีและประกอบด้วย

  • วิตามิน A, B5, B12, D, E, K, B6
  • โฟเลต
  • ฟอสฟอรัส
  • ซีลีเนียม
  • แคลเซียม
  • สังกะสี
  • โปรตีน 6 กรัม
  • ไขมันที่ดีต่อสุขภาพ 5 กรัม

ไข่เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี (ทั้งไข่ขาวและไข่แดง) นอกจากนี้ยังมีไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีต่อสุขภาพหัวใจ และเป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญ เช่น วิตามินบี 6 บี 12 และวิตามินดี


2. สิ่งที่ต้องรู้ การกินโคเลสเตอรอล ส่งผลต่อคนแต่ละคนไม่เหมือนกัน

โดยเฉพาะไข่แดง เป็นส่วนที่มีคอเลสเตอรอลสูง ไข่ใบใหญ่ 1 ฟองมีคอเลสเตอรอลในอาหารประมาณ 186 มก. อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะตัดไข่ออกจากเมนู คุณต้องทำความรู้จักกับไข่ให้ดีเสียก่อน อ้างอิงจาก USDA การศึกษาชิ้นหนึ่งชี้ให้เห็นว่าไข่ไม่เพิ่มระดับคอเลสเตอรอลเลยสำหรับคนประมาณ 70% นักวิจัยกล่าวว่าคอเลสเตอรอลในอาหาร ไม่จำเป็นต้องเพิ่มคอเลสเตอรอลในเลือดเสมอไป ส่วนที่เหลืออีก 30% ซึ่งเรียกว่า “ผู้ตอบสนองแบบไฮเปอร์” ที่สามารถเพิ่มคอเลสเตอรอลทั้งหมดและไลโปโปรตีนชนิดความหนาแน่นต่ำ (LDL) ด้วยการบริโภคไข่

แต่เช่นเดียวกับอาหารอื่น ๆ สิ่งสำคัญคือการบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะ


3. ไข่ช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลที่ดี

การกินไข่ทำให้ระดับไลโปโปรตีนความหนาแน่นสูง (HDL) หรือที่เรียกว่าคอเลสเตอรอล “ดี” สูงขึ้น ผู้ที่มีระดับ HDL สูงกว่าจะมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ น้อยกว่า จากการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า การกินไข่วันละ 2 ฟองเป็นเวลา 6 สัปดาห์ทำให้ระดับ HDL เพิ่มขึ้น 10%


4. รับโคลีนจากการทานไข่

โคลีนเป็นวิตามินที่ละลายน้ำได้ ซึ่งมักจัดกลุ่มกับวิตามินบี ใช้ในการสร้างเยื่อหุ้มเซลล์และช่วยผลิตโมเลกุลส่งสัญญาณในสมอง ไข่ต้ม 1 ฟองมีโคลีนประมาณ 147 มก. ซึ่งเป็น 27% ของมูลค่ารายวันที่แนะนำโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA)


5. ไข่ช่วยบำรุงสายตา

เมื่อคนมีอายุมากขึ้น คนเราต้องดูแลดวงตาให้ดียิ่งขึ้นเพราะการมองเห็นอาจเสื่อมตามวัย ไข่แดงมีลูทีนและซีแซนทีนจำนวนมาก ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อม ไข่ยังมีวิตามินเอสูงซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพดวงตาด้วย


6. Omega-3 ในไข่

Omega-3 ในไข่ ช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ซึ่งเป็นไขมันชนิดหนึ่งในเลือด นี่จึงเป็นเหตุผลที่การรับประทานไข่ที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่ชอบอาหารอื่น ๆ เช่น คุณไม่ชอบทาน ปลา ถั่ว เมล็ดพืช ที่อุดมไปด้วยโอเมก้า-3 ตามธรรมชาติ (หากระดับไตรกลีเซอไรด์ของคุณต่ำกว่า 150 แสดงว่ากำลังพอดี 150-199 อยู่ในเกณฑ์สูง 200-499 อยู่ในระดับสูง และ 500 ขึ้นไปถือว่าสูงมาก)


7. รับโปรตีนและกรดอะมิโนจากการทานไข่

การได้รับโปรตีนเพียงพอในการทานอาหาร เป็นวิธีสำคัญที่จะช่วยทำให้สุขภาพร่างกายของคุณแข็งแรง โดยไข่แต่ละฟองมีโปรตีนประมาณ 6 กรัม รวมทั้งกรดอะมิโนที่เป็นประโยชน์ การได้รับโปรตีนในแต่ละวันที่เพียงพอ จะช่วยในการควบคุมน้ำหนัก เพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ลดความดันโลหิต และช่วยให้กระดูกของคุณให้ดีขึ้นเช่นกัน


8. ดีต่อหัวใจ

แม้จะมีความเชื่อในทศวรรษก่อนหน้านี้ว่าการทานไข่ทำให้เกิดโรคหัวใจ แต่ในปัจจุบันี้พบว่า ไม่มีความเชื่อมโยงโดยตรงระหว่างการบริโภคไข่กับโรคหัวใจ หรือหลอดเลือด แต่การศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานที่กินไข่ อาจเพิ่มโอกาสเป็นโรคหัวใจ ผู้ที่รับประทานอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ และรับประทานไข่มีโอกาสเป็นโรคหัวใจน้อยกว่า


9. เป็นอาหารที่กินแล้วอิ่มท้อง

การกินไข่เป็นอาหารเช้าที่จะทำให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วเกิดจากการที่ไข่มีโปรตีนสูง ไม่ว่าคุณจะกินไข่ต้มเป็นอาหารเช้าหรือกินไข่ลวกเป็นของว่าง ไข่สามารถช่วยทำให้คุณอิ่มท้องหลัง หรือระหว่างมื้ออาหารได้ ช่วยลดการกินจุกจิกได้ดีมาก


ถึงแม้ว่าการรับประทานไข่ต้ม จะช่วยในการลดน้ำหนักได้จริง แต่การรับประทานไข่เพียงอย่างเดียวไม่กินสารอาหารอื่น ๆ เลย จะทำให้คุณเป็นโรคขาดสารอาหารและมีสุขภาพที่ย่ำแย่แน่นอน ดังนั้นคุณควรปรับการทานไข่ต้มให้เข้าคู่กับสารอาหารประเภทอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นพืชผักที่มีความเหมาะสม หรือทานร่วมกับโปรตีนชนิดอื่น ๆ เช่น อกไก่ จะช่วยทำให้ร่างกายของคุณได้รับสารอาหารที่หลากหลายมากขึ้น และลดน้ำหนักได้อย่างเห็นผล มีสุขภาพแข็งแรง มีผิวพรรณและมีสภาพจิตใจที่แจ่มใสเพราะไม่ได้เป็นการลดแบบหักโหมมากจนเกินไป


อ้างอิง : 9 Health Benefits of Eating Eggs for Breakfast. https://www.keckmedicine.org/blog/10-healthy-benefits-of-eating-eggs-for-breakfast/

Categories
BEAUTY

ลดความอ้วนกินอะไรดี ? การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ในการลดน้ำหนัก

ลดความอ้วนกินอะไรดี ? สิ่งสำคัญคือต้องเน้นทานอาหารที่มีความสมดุล และมีคุณค่าทางโภชนาการ โดยเฉพาะการเลือกทานโปรตีนไม่ติดมัน แนะนำให้คุณเลือกแหล่งโปรตีนไม่ติดมัน เช่น เนื้อไก่ไม่ติดหนัง ปลา เนื้อไม่ติดมัน พืชตระกูลถั่ว และเต้าหู้ เพราะโปรตีนจะช่วยทำให้คุณรู้สึกอิ่ม และสนับสนุนการเจริญเติบโตและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เลือกทานธัญพืชไม่ขัดสี ธัญพืชไม่ขัดสี ให้ไฟเบอร์และสารอาหารมากกว่าเมื่อเทียบกับธัญพืชขัดสี ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่

นอกจากนี้ยังต้องระวังเรื่องคาร์โบไฮเดรต เพราะถึงแม้ว่าคาร์โบไฮเดรตจะเป็นส่วนสำคัญของการรับประทานอาหารที่สมดุล ครบ 5 หมู่ นอกจากนี้ยังควรเลือกซื้ออาหารเสริมลดน้ำหนักยอดนิยมเป็นทางเลือกเพิ่มเติมในการรับประทานเพื่อผลลัพธ์ที่เห็นไวมากขึ้น

ภายในบทความนี้เราจะพาคุณมากทำความรู้และศึกษาในหัวข้อลดความอ้วนกินอะไรดี เคล็ดลับพื้นฐานสำหรับการลดน้ำหนัก, เลือกอาหารที่ใช้เวลานานในการย่อย,


ลดความอ้วนกินอะไรดี เคล็ดลับพื้นฐานสำหรับการลดน้ำหนัก

ลดความอ้วนกินอะไรดี

หัวใจหลักของการเปลี่ยนแปลงสุขภาพ การลดน้ำหนัก การจัดการไขมันให้ออกไปจากร่างกายของคุณ เริ่มต้นจากการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เริ่มจากให้คุณเลิกทาน อาหารหวานหรืออาหารที่มีดัชนีน้ำตาลสูง อย่างเช่น เครื่องดื่มรสหวาน แอลกอฮอล์ เค้ก ขนมหวาน แยม ขนมหวาน ซอสถั่วเหลือง น้ำผลไม้ ขนมปังขาวและพาสต้า ข้าวหุงด่วน มันฝรั่งบด และอื่น ๆ หรือทานให้น้อยลง เพราะอาหารเหล่านี้ นำไปสู่การหลั่งอินซูลินสูงซึ่งจะช่วยในการสะสมไขมัน

และเพื่อสยบความหิวและทำให้เกิดความอิ่มที่ยาวนาน ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงในการทำความหงุดหงิด แนะนำให้คุณทานคาร์โบไฮเดรตที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ได้แก่ ถั่ว ถั่วขาวหรือแดง คีนัว และข้าวกล้อง, 20 อาหารช่วยเผาผลาญไขมัน!, กินอะไรดี? เพื่อลดไขมันหน้าท้อง,การเพิ่มอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ กุญแจสำคัญในการป้องกันไม่ให้ไขมันสะสม และแนะนำปลาไขมันที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3


เลือกอาหารที่ใช้เวลานานในการย่อย

อาหารที่ช่วยเพิ่มการเผาผลาญและเผาผลาญแคลอรีเป็นอาหารที่ต้องใช้เวลานานในการย่อยเป็นหลัก ด้วยเหตุนี้ร่างกายจึงต้องใช้พลังงานมากขึ้นและเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น แนะนำให้คุณทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนและโปรตีนไม่ติดมัน เช่น เนื้อขาว ปลาเนื้อขาว หอย ฯลฯ เนื่องจากองค์ประกอบของอาหารเหล่านี้ ทำให้ร่างกายต้องการความพยายามมากขึ้นจากร่างกายในการดูดซึม แต่ในทางกลับกัน ถ้าคุณบริโภคอาหารประเภทแป้งประเภทน้ำตาลมาก ไขมันจะถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วและเก็บไว้ในแหล่งสำรอง ทำให้เกิดการสะสมของไขมันในร่างกาย และเกิดความอ้วน


20 อาหารช่วยเผาผลาญไขมัน!

20 อาหารช่วยเผาผลาญไขมัน!

เพื่อการลดน้ำหนักอย่างเห็นผลและยั่งยืน อาหารเผาผลาญไขมันซึ่งยังช่วยย่อยอาหาร อิ่มนาน และเพิ่มการเผาผลาญของคุณได้ดี หัวใจของการลดน้ำหนัก คือการกระตุ้นระบบการเผาผลาญไขมันเสมอ โดยมีจุดมุ่งหมายทำให้คุณลดน้ำหนักส่วนเกิน แต่ไม่ทำลายมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งช่วยทำให้ระบบเผาผลาญพื้นฐาน คุณสามารถลดไขมันได้ด้วยการผสมผสานระหว่างอาหารและการออกกำลังกาย โดยมีคำแนะนำ ดังนี้

  1. แอปเปิ้ล ดักจับไขมัน : แอปเปิ้ลอุดมไปด้วยเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ทำหน้าที่ดักจับไขมันในกระเพาะอาหาร ไขมันจึงไม่ถูกร่างกายดูดซึมแต่จะถูกกำจัดออกโดยตรง คุณควรบริโภคแอปเปิ้ลเป็นอาหารว่าง หรือทานหลังอาหารเพื่อล้างปาก
  2. เลือกผลิตภัณฑ์จากนม ที่มีโปรตีนสูง : ผลิตภัณฑ์จากนมอุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งร่างกายต้องการพลังงานจำนวนมากในการดูดซึม และยังช่วยให้อิ่มอีกด้วย รับประทานในมื้อเช้า หรือในช่วงบ่ายหากคุณรู้สึกหิวเล็กน้อย
  3. ทานปลาและไข่เพื่อเพิ่มพลังงาน : โปรตีนที่มีอยู่ในปลาและไข่เป็นสารประกอบเชิงซ้อน ซึ่งต้องการพลังงานจำนวนมากในการดูดซึม โปรตีนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
  4. ถั่วแหล่งโปรตีนจากพืช : คุณควรรับประทานถั่วอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์และมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำมาก
  5. พริก พันธมิตรต่อต้านริ้วรอย : เป็นที่ทราบกันดีว่าพริกอุดมไปด้วยวิตามินซี แต่เหนือสิ่งอื่นใด เนื้อของพริกแดงประกอบด้วยน้ำ 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทำให้เป็นหนึ่งในอาหารที่เผาผลาญไขมันได้ดีที่สุด
  6. พริกหยวก : เพิ่มพริกหยวกเพื่อเพิ่มความกรุบกรอบในอาหารของคุณ และช่วยลดความอยากกินของกรอบ
  7. อโวคาโด อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 : เนื้อของอโวคาโดมีส่วนประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกรดโอลิอิก (กรดจากน้ำมันมะกอก) ซึ่งช่วยรักษาระดับคอเลสเตอรอลที่ดีให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
  8. หน่อไม้ฝรั่ง พรีไบโอติกชั้นเยี่ยม : หน่อไม้ฝรั่งเป็นยาขับปัสสาวะ และหน่อไม้ฝรั่งยังมีอินูลินซึ่งเป็นพรีไบโอติกชั้นเยี่ยม ซึ่งจะช่วยบำรุงแบคทีเรียในลำไส้เพื่อให้ท้องแบนราบ
  9. รำข้าวโอ๊ต สุดยอดของความอิ่ม : รำข้าวโอ๊ตมีเส้นใยทำหน้าที่ดักจับไขมัน รำข้าวโอ๊ช่วยรักษาความอิ่มโดยการรักษาระดับอินซูลินให้คงที่ ซึ่งช่วยป้องกันความอยากอาหาร และการสะสมไขมัน จะรับประทานเป็นอาหารเช้าหรือเป็นอาหารว่างก็ได้
  10. ผลไม้สีแดง อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ : ผลไม้สีแดงยังมีสารประกอบที่ชะลอการดูดซึมไขมันบางชนิด และเร่งการทำงานของลำไส้
  11. กีวี่ อัดแน่นพลังวิตามินซี : กีวี่ 1 ผล สามารถเติมวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระซึ่ งมีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตพลังงานและกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย
  12. สับปะรด ผู้เชี่ยวชาญด้านการย่อยอาหาร : สับปะรดสดมีเอนไซม์ที่เรียกว่าโบรมีเลน ซึ่งช่วยในการย่อยโปรตีน ทำให้ผู้ที่ทานโปรตีนแล้วย่อยยาก แนะนำให้คุณทานสับปะรดเสริมเพิ่มเติม
  13. มะนาว พันธมิตรของตับ : กรดซิตริกที่มีอยู่ในมะนาว ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงของไขมันและโปรตีนในกระเพาะอาหาร ควรบริโภคในตอนเช้าก่อนอาหารเช้าประมาณ 20 นาที เพื่อกระตุ้นการหลั่งน้ำดี และเตรียมตับให้พร้อมย่อยอาหารในระหว่างวัน
  14. ขิงสำหรับดีท็อกซ์ : ขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระประมาณ 40 ชนิด และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  15. อบเชย เครื่องเทศต้านความอยาก : อบเชยช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันไม่ให้เปลี่ยนเป็นไขมัน นอกจากนี้ยังจำกัดความอยาก ใช้โรยแทนน้ำตาลในโยเกิร์ตธรรมดา ๆ ได้
  16. ชาเขียวดีท็อกซ์ ต่อต้านไขมัน : ช่วยขับปัสสาวะและทำผอม แทนนินลดการดูดซึมไขมัน
  17. ดื่มกาแฟเพื่อการเผาผลาญไขมันที่ดีขึ้น : คาเฟอีนกระตุ้นการเผาผลาญไขมันตามธรรมชาติ แนะนำให้กินก่อน 17.00 น. โดยดื่มไม่เกิน 3 แก้วเล็กต่อวัน ยิ่งไปกว่านั้น การดื่มคาเฟอีนที่มากเกินไปจะเพิ่มความวิตกกังวล ความเครียด และความหงุดหงิด ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งเสริมการสะสมไขมันได้
  18. พริกป่นเพื่อเพิ่มการเผาผลาญ : พริกป่นจะช่วยเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกายซึ่งช่วยเพิ่มการเผาผลาญ ใช้โรยบนซุป อาหาร หรือซอสแต่พอประมาณ
  19. โกโก้ดิบ ต้านความเมื่อยล้า : เมล็ดโกโก้อุดมไปด้วยแมกนีเซียม ที่ช่วยต่อต้านความเครียดและกระตุ้นธีโอโบรมีน โดยปราศจากน้ำตาลที่พบในช็อกโกแลต
  20. น้ำส้มสายชู : กรดอะซิติกช่วยย่อยอาหาร ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และป้องกันไม่ให้ร่างกายเก็บสะสมไขมัน ใช้เป็นเครื่องปรุงรสในสลัดหรืออาหารเรียกน้ำย่อย

กินอะไรดี? เพื่อลดไขมันหน้าท้อง

กินอะไรดี? เพื่อลดไขมันหน้าท้อง

เรานำตัวช่วยในการลดน้ำหนักของคุณมาฝากกันแล้ว แนะนำให้คุณกินอาหารลดความอ้วนง่ายๆควบคู่ไปกับกิจวัตรการออกกำลังกายเป็นประจำ ที่จะสามารถช่วยคุณลดน้ำหนักและสลายไขมันหน้าท้องได้

  • ผลไม้สีแดง: ยิ่งมีสีเข้มมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการยับยั้งยีนโรคอ้วน ผลไม้สีแดง เช่น แอปเปิ้ล เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ควรรับประทาน
  • โคลีน: ช่วยปิดการทำงานของยีน ที่ทำหน้าที่เพิ่มไขมันในช่องท้อง สารอาหารนี้มักพบในไข่
  • เครื่องเทศ: อบเชยและขิงช่วยลดอาการบวมและทำให้ยีนไขมันทำงานช้าลง
  • ข้าวโอ๊ต: การกินข้าวโอ๊ตเป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้นวันใหม่ แนะนำให้ทาน ถั่ว ข้าว ข้าวโอ๊ต และไฟเบอร์อื่น ๆ สามารถทำงานร่วมกับแบคทีเรียในลำไส้ เพื่อยับยั้งยีนของโรคเบาหวานได้
  • โปรตีนจากพืชเสริม: พบได้ในถั่วเหลืองหรือถั่วลันเตา หรือถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชต่าง ๆ เช่น อัลมอนด์ พีแคน หรือเมล็ดทานตะวัน นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มผงโปรตีนจากพืชลงในสมูทตี้เพื่อเพิ่มแคลอรี
  • เนื้อไม่ติดมัน: สามารถกระตุ้นทำให้ระบบเผาผลาญสูง เนื้อไม่ติดมัน ได้แก่ อกไก่ไร้หนัง เนื้อส่วนสีขาวของไก่งวง หรือเนื้อวัวไม่ติดมัน
  • ผักใบเขียว ชาเขียว และผักที่มีสีสดใส: สามารถช่วยลดอาการบวมและยับยั้งยีนที่เก็บไขมันได้ ผักสีสันสดใสยังเพิ่มสีสันและความกรุบกรอบให้กับมื้ออาหารอีกด้วย การดื่มชาเขียวช่วยลดไขมันในช่องท้องได้ ชาเขียวมีแคลอรี่ต่ำและมี epigallocatechin gallate (EGCG) ซึ่งจากการศึกษาระบุว่าช่วยลดไขมันหน้าท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การกินอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ: หมายถึงการบริโภคโปรตีนมากขึ้น การศึกษาบ่งชี้ว่าอาหารที่อุดมด้วยอาหารโปรตีนสูง ไข่ต้มที่เหมาะกับการลดน้ำหนัก ปลาไขมันน้อย พืชตระกูลถั่ว ถั่ว เนื้อสัตว์ และนม ส่งผลให้ไขมันในช่องท้องโดยรวมลดลง อิ่มมากขึ้น และเพิ่มการทำงานของเมตาบอลิซึม

การเพิ่มอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ กุญแจสำคัญในการป้องกันไม่ให้ไขมันสะสม

การเพิ่มอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ กุญแจสำคัญในการป้องกันไม่ให้ไขมันสะสม

แหล่งไฟเบอร์ที่ดีคืออาหารช่วยลดน้ำหนักชั้นเยี่ยม เช่น พืชตระกูลถั่ว ข้าวโอ๊ต เมล็ดเจีย รวมถึงผักและผลไม้ การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการกินโยเกิร์ตสายพันธุ์ของตระกูลแลคโตบาซิลลัสสามารถช่วยลดไขมันในช่องท้องได้ การวิจัยระบุว่าการกินโยเกิร์ตช่วยลดไขมันในร่างกายได้ 3-4 เปอร์เซ็นต์ใน 6 สัปดาห์


แนะนำปลาไขมันที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3

แนะนำปลาไขมันที่อุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3

การกินปลาช่วยลดไขมันในช่องท้อง การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานปลาแซลมอน ปลาเฮอริ่ง ปลาซาร์ดีน ปลาแมกเคอเรล และปลากะตัก 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์สามารถลดไขมันในตับและช่องท้องได้อย่างมาก การศึกษาบางชิ้นแสดงให้เห็นว่าการดื่มน้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ ช่วยลดการสะสมไขมันในร่างกาย แนะนำให้ดื่มเป็นอย่างแรกในตอนเช้าเพื่อช่วยล้างสารพิษและทำความสะอาดตับ

และนี่ก็คือสารอาหารที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประโยชน์ ช่วยส่งเสริมสุขภาพของคุณที่มีความแข็งแรงและในขณะเดียวกัน ก็ช่วยทำให้คุณนั้นสามารถลดน้ำหนักเห็นผลได้อย่างมีประสิทธิภาพจริง ลองปรับเปลี่ยนนิสัยการทานอาหารดู เราเชื่อว่าคุณจะพบกับสุขภาพที่ดีขึ้น ช่วยลดไขมันลงได้จริง และทำให้คุณนั้นมีความสุขในร่างใหม่ที่ไฉไลกว่าเดิม


อ้างอิง : 20 fat-burning foods to fire up your metabolism. https://www.healthshots.com/healthy-eating/nutrition/20-fat-burning-foods-to-fire-up-your-metabolism/

Categories
BEAUTY

ลดน้ำหนักหลังคลอด ขั้นตอนและเคล็ดลับที่คุณแม่ควรทราบ

ลดน้ำหนักหลังคลอด เป็นเรื่องที่หนักใจสำหรับคุณแม่มือใหม่หลาย ๆ คน แต่สิ่งสำคัญคือต้องลดน้ำหนักด้วยวิธีที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ เนื่องจากร่างกายของคุณต้องการเวลาในการฟื้นตัวจากการคลอดบุตร และต้องใช้ความอดทนอย่างหนัก เพราะคุณต้องใช้เวลา 9 เดือนในการเพิ่มน้ำหนัก ต้องตั้งเป้าหมายในการลดน้ำหนักอย่างค่อยเป็นค่อยไป และยั่งยืนมากกว่าการลดอย่างรวดเร็ว

แนะนำให้คุณเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เช่น ผลไม้ ผัก โปรตีนไม่ติดมัน เมล็ดธัญพืช และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงการไดเอตแบบเร่งรัด หรือการจำกัดแคลอรีสุดโต่ง เนื่องจากอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและส่งผลต่อการผลิตน้ำนม หากคุณกำลังให้นมบุตรอยู่ และดื่มน้ำให้เพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ ตลอดทั้งวัน น้ำช่วยในการย่อยอาหาร ทำให้คุณไม่ขาดน้ำ และทำให้รู้สึกอิ่ม ลดการทานของว่างที่ไม่จำเป็น แต่หากคุณไม่ต้องให้นมบุตรแล้วคุณสามารถมองหาซื้อยาลดน้ำหนักจากรีวิวที่น่าเชื่อถือได้ เพื่อเป็นตัวเลือกให้การลดน้ำหนักที่ได้ผลมากยิ่งขึ้น

สำหรับบทความนี้ได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวิธี ลดน้ำหนักหลังคลอด  ปลอดภัยทั้งต่อตัวคุณแม่และลูกน้อยมาฝากกันจะมีอะไรน่าสนใจบ้างไปดูกันเลย


วิธี ลดน้ำหนักหลังคลอด  ปลอดภัยทั้งต่อตัวคุณแม่และลูกน้อย

วิธี ลดน้ำหนักหลังคลอด  ปลอดภัยทั้งต่อตัวคุณแม่และลูกน้อย

จากการศึกษาหนึ่งในปี 2015 พบว่าจำนวน 75 % คุณแม่หลังคลอด มีน้ำหนักตัวมากขึ้นหลังคลอด 1 ปี และมีน้ำหนักตัวมากกว่าที่เคยเป็นก่อนตั้งครรภ์ ในบรรดาผู้หญิงเหล่านี้ ร้อยละ 47 มีน้ำหนักขึ้นอย่างน้อย  5 กิโล และร้อยละ 25 มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีก 10 กิโล โดยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนี้ ขึ้นอยู่กับน้ำหนักที่คุณเพิ่มขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์

และเป็นไปได้ว่าในอีก 1 – 2 ปีข้างหน้าหลังจากที่คุณคลอดลูกไปแล้ว คุณจะลดน้ำหนักได้ประมาณ 4.5 กก. แต่ถ้าคุณอยากลดน้ำหนักได้เร็วกว่านี้ ภายในระยะเวลาอันสั้นกว่านี้ คุณสามารถวางแผนการรับประทานอาหารและการออกกำลังกายที่ดี และคุณจะสามารถลดน้ำหนักในระดับที่ดีต่อสุขภาพ


คุณแม่อยากลดน้ำหนัก ต้องอย่าอดอาหาร

การทานอาหารลดน้ำหนัก คือการทานอาหารที่มีแคลอรีต่ำมาก ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการให้คุณลดน้ำหนักได้มากในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังคลอดลูก ร่างกายของคุณต้องการสารอาหารที่ดีเพื่อรักษาและฟื้นตัว นอกจากนี้ หากคุณกำลังให้นมบุตร คุณจะต้องการแคลอรีมากกว่าปกติ ซึ่งการทานอาหารแคลอรี่ต่ำ จะทำให้คุณขาดสารอาหารที่สำคัญ และอาจทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย และทำให้คุณดูแลลูกน้อยได้ไม่เต็มที่


พยายามให้นมลูกเท่าที่ทำได้

พยายามให้นมลูกเท่าที่ทำได้

อ้างอิงจากแหล่งที่เชื่อถือได้ขององค์การอนามัยโลก (WHO) สถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา (AAP) และ CDC ต่างแนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การให้นมลูกในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต (หรือนานกว่านั้น) โดยมีประโยชน์มากมายสำหรับทั้งคุณและลูกน้อย ซึ่งส่งผลต่อการลดน้ำหนักของคุณด้วย

  • การให้สารอาหารแก่ลูกน้อย: นมแม่มีสารอาหารทั้งหมดที่ทารกต้องการ เพราะการเจริญเติบโตในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต
  • ช่วยสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันของทารก: นมแม่ยังมีแอนติบอดีที่สำคัญที่ช่วยให้ลูกน้อยของคุณต่อสู้กับไวรัส และแบคทีเรีย
  • ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคในทารก: ทารกที่กินนมแม่มีความเสี่ยงต่ำกว่าที่จะเป็นโรคหอบหืด โรคอ้วน เบาหวานชนิดที่ 1 โรคทางเดินหายใจ หูติดเชื้อ กลุ่มอาการทารกเสียชีวิตกะทันหัน (SIDS) และการติดเชื้อในทางเดินอาหาร

และช่วยในการลดน้ำหนักของคุณแม่ การลดปริมาณแคลอรี่ที่คุณได้รับลงประมาณ 500 แคลอรี่ต่อวัน จะกระตุ้นให้น้ำหนักลดลงได้ประมาณ 10.5 กก. ต่อสัปดาห์ การลดน้ำหนักในปริมาณนี้ถือว่าปลอดภัยสำหรับสตรีที่ให้นมบุตร อ้างอิงจาก Academy of Nutrition and Dietetics ยกตัวอย่างเช่น ผู้หญิงที่รับประทานอาหาร 2,000 แคลอรีต่อวัน สามารถกินน้อยลงได้ 300 แคลอรี และเผาผลาญเพิ่มอีก 200 แคลอรีผ่านการออกกำลังกาย ทำให้ลดแคลอรีได้ทั้งหมด 500 แคลอรี

ผู้ที่ให้นมบุตรมีความเสี่ยงลดลงจากความดันโลหิตสูง เบาหวานชนิดที่ 2 มะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่

การวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่สามารถช่วยลดน้ำหนักหลังคลอดของคุณได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วง 3 เดือนแรกของการให้นม คุณอาจพบว่าน้ำหนักไม่ลดหรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นเลย ซึ่งเป็นเพราะความต้องการ และปริมาณแคลอรี่ที่เพิ่มขึ้นรวมถึงการออกกำลังกายที่ลดลงในระหว่างการให้นมบุตร


เช็กปริมาณแคลอรี่ที่คุณรับเข้าไป

การเช็กปริมาณแคลอรี่ จะช่วยทำให้คุณคำนวณว่าคุณกินเข้าไปมากแค่ไหน และวางแผนในการกินของคุณได้อย่างรัดกุม

นอกจากนี้ยังทำให้คุณมั่นใจได้ว่า คุณได้รับแคลอรี่เพียงพอเพื่อให้พลังงานและสารอาหารที่คุณต้องการในระหว่างการให้นมลูกให้คุณวางแผนในการทานอาหาร ดังนี้

  • จดบันทึกอาหารที่คุณทานเข้าไป ในทุก ๆ วัน
  • ถ่ายภาพอาหารของคุณ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจถึงสิ่งที่คุณกินเข้าไป
  • แนะนำให้ใช้แอปติดตามแคลอรี่บนมือถือ

การใช้เทคนิคเหล่านี้จะช่วยทำให้คุณลดแคลอรี่ที่คุณทานเข้าไป และเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งช่วยในการลดน้ำหนัก


รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง

รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง

ได้เวลาซื้อธัญพืชและผักที่ดีต่อสุขภาพมาตุนในรายการอาหารของคุณแล้ว การกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูงสามารถช่วยในการลดน้ำหนักได ตัวอย่างเช่น จากการศึกษาในปี 2019 จากการศึกษาคน 345 คนพบว่า การทานไฟเบอร์เพิ่มขึ้น 4 กรัมจากที่ผู้เข้าร่วมรับประทานก่อนการศึกษา ทำให้น้ำหนักลดลงโดยเฉลี่ย 1 – 2 กิโลกรัม ในช่วง 6 เดือน การทานอาหารที่มีเส้นใยที่ละลายน้ำได้ จะช่วยทำให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น ด้วยการชะลอการย่อยอาหาร และลดระดับฮอร์โมนความหิวตามการทดลองทางคลินิกในปี 2015 ผลที่มีต่อการย่อยอาหารเหล่านี้อาจช่วยลดปริมาณแคลอรี่ได้


กัดตุนโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ

การรวมโปรตีนในมื้ออาหารของคุณสามารถช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหาร ลดความอยากอาหาร และลดปริมาณแคลอรี่ตามผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ใน American Journal of Clinical Nutrition จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าโปรตีนทำให้ร่างกายใช้พลังงานในการย่อยอาหารมากกว่าอาหารประเภทอื่น ซึ่งส่งผลให้มีการเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น และการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่าโปรตีนยังสามารถยับยั้งความอยากอาหารได้ และดีต่อสุขภาพของคุณแม่ที่ลดน้ําหนักกรุ๊ปเลือด ab , O และ B ที่ควรรับประทานโปรตีนมากๆ เพื่อเพิ่มฮอร์โมนความอิ่ม GLP และ GLP-1 รวมทั้งลดฮอร์โมนเกรลินที่หิวโหย แหล่งโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะแก่คุณแม่ ได้แก่

  • เนื้อไม่ติดมัน
  • ไข่
  • ปลา
  • พืชตระกูลถั่ว
  • ถั่วและเมล็ด
  • นม

กินขนมเพื่อสุขภาพเท่านั้น

อาหารที่อยู่รอบตัวของคุณส่งผลอย่างมากต่อการลดน้ำหนัก และการมีสุขภาพที่ดี การทานขนมเล็ก ๆ น้อย ๆ ในช่วงเวลาว่างของวันจะทำให้คุณรู้สึกอารมณ์ดี ช่วยเปลี่ยนอารมณ์ แต่ควรเลือกขนมที่ดีต่อสุขภาพ และดีต่อการลดน้ำหนักเท่านั้น ซึ่งเราก็มีมาแนะนำกัน

  • ผลไม้อบแห้งผสมถั่ว
  • กรีกโยเกิร์ตและกราโนล่า
  • ถั่ว
  • สาหร่ายทะเล

การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการ การเลือกทานถั่วและของหวานที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีความสัมพันธ์กับดัชนีมวลกาย (BMI) ที่ลดลง

ในทำนองเดียวกัน การศึกษาเปรียบเทียบแสดงให้เห็นว่า การมีอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพวางอยู่บนเคาน์เตอร์มีความสัมพันธ์กับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นละทิ้งความเสี่ยงในการกินขนมกรุบกรอบไปให้หมด เก็บไว้เฉพาะขนมที่ดีต่อสุขภาพแทน


หลีกเลี่ยงการกินน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตขัดสี

หลีกเลี่ยงการกินน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตขัดสี

น้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตขัดสีมีแคลอรีสูง และมักมีสารอาหารต่ำ แต่ก็มาพร้อมกับรสชาติที่อร่อยถูกใจใครหลาย ๆ คนกินแล้วเพลินหยุดไม่ได้ การวิจัยพบว่าการทานปริมาณน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นและคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีในปริมาณสูง ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น และอาจก่อให้เกิด โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็งบางชนิด คุณไม่ควรที่จะทานหรือดื่ม

  • เครื่องดื่มที่มีรสหวาน
  • น้ำผลไม้กล่อง
  • น้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์
  • แป้งขาว
  • แยมหวาน
  • เค้ก
  • บิสกิต
  • ขนมอบ

เป็นเรื่องง่ายที่จะลดปริมาณการทานน้ำตาลของคุณ โดยการหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป และเลือกทานสิ่งที่มีประโยชน์แทน เช่น ผัก พืชตระกูลถั่ว ผลไม้ เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ ถั่ว และโยเกิร์ต


หลีกเลี่ยงอาหารที่มีการแปรรูปสูง

อาหารที่ไม่แปรรูปมักเต็มไปด้วยโปรตีน ไฟเบอร์ และน้ำตาลน้อย ในทางกลับกัน อาหารแปรรูปมักมีน้ำตาล ไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เกลือ และแคลอรีสูง ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถขัดขวางความพยายามในการลดน้ำหนักของคุณได้ ตามรายงานของ National Institutes of Health (NIH) อาหารเหล่านี้ ได้แก่

  • อาหารจานด่วน
  • อาหารสำเร็จรูป
  • มันฝรั่งทอด
  • คุกกี้และขนมอบ
  • ลูกอม
  • อาหารสำเร็จรูป
  • ชีสแปรรูป
  • ซีเรียลหวาน

การบริโภคอาหารแปรรูปกับพฤติกรรมการกินที่เสพติดมากขึ้น น่าเสียดายที่อาหารเหล่านี้เป็นส่วนใหญ่ของการบริโภคสารอาหารของหลาย ๆ คน จากผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ใน The American Journal of Clinical Nutrition คุณสามารถลดปริมาณอาหารแปรรูปที่คุณกินได้โดยการแทนที่ด้วยอาหารสด ทั้งตัว และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง


การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยในการลดน้ำหนัก 

การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยในการลดน้ำหนัก 

การเคลื่อนไหวร่างกายของคุณช่วยความแข็งแรงให้กับการลดน้ำหนักของคุณ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น การเดิน จ็อกกิ้ง การวิ่ง การปั่นจักรยาน ทำให้ร่างกายของคุณเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น และมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ของ CDCT การออกกำลังกายช่วยเพิ่มสุขภาพที่มีต่อหัวใจ ลดความเสี่ยงและความรุนแรงของโรคเบาหวาน และอาจลดความเสี่ยงของมะเร็งหลายชนิด การวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่าผู้ที่รับประทานอาหารร่วมกับการออกกำลังกายลดน้ำหนัก โดยเฉลี่ย 1.72 กิโลกรัม มากกว่าผู้ที่ควบคุมอาหารเพียงอย่างเดียว

แหล่งที่เชื่อถือได้ของ CDCT ระบุว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิกมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลดไขมัน และสุขภาพของหัวใจ ดังนั้นแม้แต่การออกไปเดินเล่นก็เป็นขั้นตอนที่ดี ในการช่วยน้ำหนักและยกระดับสุขภาพของคุณ หลังคลอด บริเวณอุ้งเชิงกรานและท้องของคุณต้องใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณได้รับการผ่าตัดคลอด แนะนำให้คุณแม่ออกกำลังกายแบบแอโรบิก ความเข้มข้นปานกลางอย่างน้อย 150 นาที เช่น การเดินเร็ว ๆ ตลอดทั้งสัปดาห์ หลังจากที่คุณเริ่มต้นได้แล้ว ให้หากิจกรรมที่คุณชอบจริง ๆ และทำต่อไปเพื่อลดไขมันให้ลงเหลือน้อยลงที่สุด โดยหากทำอย่างต่อเนื่องแน่นอนว่าการลดน้ำหนัก 30 กิโล หลังคลอดไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปอย่างแน่นอน


การที่คุณแม่มีน้ำหนักลดลง มีไขมันลดลง นอกจากจะทำให้คุณแม่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ในขณะเดียวกันก็ยังมีแรงในการดูแลลูกน้อยได้ดีขึ้น มีสุขภาพที่ดีพร้อมเฝ้าดูการเติบโตของลูกน้อยไปอีกยาวนาน และในขณะเดียวกันได้ยังทำให้คุณแม่ฟื้นตัวได้ไวเร็วขึ้นหลังจากคลอดอีกด้วย


อ้างอิง : 16 Effective Tips to Lose Baby Weight After Pregnancy. https://www.healthline.com/nutrition/weight-loss-after-pregnancy#what-is-baby-weight

Categories
BEAUTY

ลดน้ำหนัก 5 กิโล ทำไมจึงเป็นเป้าหมายที่ดีสำหรับการเริ่มต้น

ลดน้ำหนัก 5 กิโล เป็นปริมาณการลดน้ำหนักที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะ การลดน้ำหนักเพียงเล็กน้อย (ร้อยละ 5 ของน้ำหนักตัว เช่น 5 กก. สำหรับคนที่หนัก 100 กก.) ขอบอกเลยว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย เช่น ความดันโลหิตเป็นปกติคอเลสเตอรอลลดลง และน้ำตาลในเลือดดีขึ้น โดยคุณสามารถลดน้ำหนักได้หลายวิธีตั้งแต่การความคุมอาหารผ่านการไดเอทรูปแบบต่าง ๆ การกินอาหารเสริมลดน้ำหนักยอดนิยม ไปจนถึงการออกกำลังกายเพื่อเผาผลาญไขมัน

ในบทความนี้เราเลยได้รวบรวมเคล็ดลับการลดน้ำหนักที่ปลอดภัยในระยะยาวมาฝากกันได้แก่ ลดน้ำหนัก 5 กิโล ทำไมถึงต้องตั้งเป้าแบบเบา ๆ ก่อน, วิธีลดน้ำหนัก 5 กิโล ใน 10 สัปดาห์,คุณจะลดน้ำหนัก 5 กิโล ได้เร็วขึ้น หากกินอย่างมีสติ,ลดการทานอาหารว่างของคุณ,อยากลดน้ำหนักให้เห็นคุณจริงอย่าลืม จัดการความเครียดทางร่างกายและจิตใจ, การดูแลสุขภาพลำไส้ของคุณ,เลือกดื่มเครื่องดื่ม เพื่อสุขภาพ และคำแนะนำสุดท้าย ลดการกินซอสและเครื่องปรุง


วิธีลดน้ำหนัก 5 กิโล ใน 10 สัปดาห์

วิธีลดน้ำหนัก 5 กิโล ใน 10 สัปดาห์

มาเริ่มต้นวางแผนลดน้ำหนัก 5 กิโลใน 10 สัปดาห์กันดีกว่า ซึ่งเป็นการกำหนดการลดน้ำหนัก หรือการลดไขมันที่มีความเหมาะสมภายในระยะเวลาที่ไม่บีบคั้นไม่กระชั้นจนเกินไป ทำให้คุณนั้นสามารถลดน้ำหนักได้ไปพร้อม ๆ กับการมีสุขภาพจิตที่ดี ไม่เกิดความเครียดไม่เกิดความกังวลมากจนเกินไปนัก และยังเป็นการค่อย ๆ ปรับวิถีชีวิตใหม่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการปลูกฝังนิสัยในการออกกำลังกาย การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ให้มากขึ้น ซึ่งเมื่อคุณปลูกฝังนิสัยนี้แล้วในอนาคต คุณสามารถที่จะลดน้ำหนักได้มากกว่า 5 กิโลแน่นอน ถ้าคุณต้องการ

1. ออกกำลังกาย!

เป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้น ในการลดน้ำหนักและทำให้มีสุขภาพที่ดี ซึ่งในปัจจุบันนี้มีทางเลือกในการออกกำลังกายมากมาย คุณสามารถเลือกที่จะสมัครสมาชิกกับฟิตเนส หรือยิมแห่งใดแห่งหนึ่งที่คุณสนใจได้ หรือในกรณีที่คุณเป็นสายธรรมชาติ มีที่พักอาศัยหรือมีที่ทำงานติดอยู่กับสวนสาธารณะ หรือพื้นที่ที่สามารถออกกำลังกายได้แบบฟรี ๆ เพียงแค่เริ่มต้นวิ่ง เริ่มต้นขยับร่างกายให้มากขึ้น คุณก็จะพบว่าคุณมีสุขภาพจิตใจที่แจ่มใสขึ้น มีความพร้อมและมีแรงกระตุ้นที่อยากจะพัฒนาร่างกายของตัวเอง ให้ดีขึ้นทุกวัน

2. กินเพื่อสุขภาพ

อีกหนึ่งข้อมูลที่คุณต้องรู้คือต่อให้คุณออกกำลังกายมากขนาดไหนก็ตาม แต่ถ้าคุณไม่เปลี่ยนนิสัยการทานอาหาร น้ำหนักของคุณก็จะไม่ลดลง และคุณจะกลายเป็นหมูที่แข็งแรงแทน ปัจจัยประมาณ 70% ของการลดน้ำหนักของคุณมาจากอาหารที่คุณทาน ถึงเวลาแล้วที่จะมุ่งเน้นไปที่ การทานอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น ผลไม้สด ผัก และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน โยนขนมถุงทิ้งไป หยิบแครอทและอกไก่แทน

และการทานอาหารเพื่อสุขภาพไม่จำเป็นต้องรสชาติแย่ เพราะคุณยังคงสามารถทานอาหารรสแซ่บได้อยู่ เพียงแต่ว่าอาจจะลดความเค็มลงลดน้ำตาลลงให้มาก ๆ และถ้าคุณทำอาหารทานเอง ให้เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีโซเดียมต่ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำปลาลดโซเดียม ซีอิ๊วลดโซเดียม เป็นต้น

3. ฝึกฝนการเวท หรือการสร้างกล้ามเนื้อด้วย

ถ้าคุณออกกำลังกายด้วยระบบคาดิโอ้เพียงอย่างเดียว ร่างกายของคุณจะเผาผลาญแคลอรีได้บางส่วน แต่ถ้าคุณจริงจังกับเป้าหมายที่จะลดน้ำหนัก 5 กก. ในช่วงเวลา 10 สัปดาห์ คุณจะต้องใส่ใจในเรื่องของการเวทเทรนนิ่งด้วย การฝึกความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ ให้ผลลัพธ์ที่ยิ่งดีที่สุดสำหรับการลดน้ำหนัก ไม่เพียงแต่เป็นการเผาผลาญแคลอรีเท่านั้น แต่คุณช่วยกระชับกล้ามเนื้อและสร้างเซลล์กล้ามเนื้อใหม่ด้วย

เซลล์กล้ามเนื้อมีสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า ไมโตคอนเดรีย อยู่ในนั้น ไมโตคอนเดรียเป็นเตาเผาขนาดเล็ก ที่ทำหน้าที่เผาผลาญเชื้อเพลิงในเซลล์ของคุณ เมื่อกล้ามเนื้อของคุณเติบโตขึ้น ก็จะสร้างไมโตคอนเดรียใหม่ ยิ่งคุณมีไมโทคอนเดรียมากเท่าไหร่ กล้ามเนื้อก็จะเผาผลาญพลังงานมากขึ้นเท่านั้น หมายความว่าคุณเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้นตลอดวันแม้ในยามพักผ่อน ตั้งเป้าหมายที่จะยกน้ำหนัก 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อเสริมพลังให้กล้ามเนื้อ

4. นอนให้ได้ 8 ชั่วโมง

เชื่อหรือไม่ว่าการนอนช่วยลดน้ำหนักได้! ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพแนะนำให้นอนระหว่าง 7 – 9 ชั่วโมงต่อคืน หากคุณตื่นนอนกลางดึก โอกาสในการกินของว่างก็เพิ่มขึ้น ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ งานวิจัยหลายชิ้นยังระบุว่าคนที่นอนหลับเพียงพอในแต่ละคืนจะมีการเผาผลาญสูงกว่าคนที่ไม่ได้นอน

5. เดินให้มากขึ้น

การเดินไปทำงานหรือไปโรงเรียน หรือซุปเปอร์มาร์เก็ตแถวบ้าน เป็นวิธีที่ดีในการเผาผลาญแคลอรี การเดินเร็ว ๆ 1 ชั่วโมงสามารถเผาผลาญแคลอรี่ได้มากถึง 400 แคลอรี่ และยังทำให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น อารมณ์ดีขึ้น และเพลิดเพลินไปกับชมวิวข้างทาง


ลดน้ำหนัก 5 กิโล ทำไมถึงต้องตั้งเป้าแบบเบา ๆ ก่อน

ลดน้ำหนัก 5 กิโล

เราเข้าใจดี ถึงแม้ว่าคุณต้องการลดน้ำหนักให้เร็วนี้ ภายในระยะเวลาอันสั้นอย่างการลดความอ้วน 7 วัน ที่ต้องใช้แรงและความพยายามเป็นอย่างมาก ทำบ่อย ๆ อาจเสี่ยงเป็นโยโย่เอฟเฟค

ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านฟิตเนสเห็นพ้องต้องกันว่าคุณควรกำหนดเป้าหมายการลดน้ำหนัก 0.5 – 1.0 กก. ต่อสัปดาห์ เป็นปริมาณที่ปลอดภัยในการลดน้ำหนัก การลดน้ำหนักเร็วเกินไปสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ เช่น ตับถูกทำลาย อิเล็กโทรไลต์ไม่สมดุล และเกิดนิ่วในถุงน้ำดี


คุณจะลดน้ำหนัก 5 กิโล ได้เร็วขึ้น หากกินอย่างมีสติ

คุณจะลดน้ำหนัก 5 กิโล ได้เร็วขึ้น หากกินอย่างมีสติ

หากคุณต้องการลด 5 กก. ให้เร็วขึ้นให้ใส่ใจสิ่งที่คุณทานเข้าไป ในบทความนี้เราไม่แนะนำให้คุณนับแคลอรี่ เพราะสิ่งนี้อาจส่งผลเสียต่อการรักษาสุขภาพ และขัดกับแนวทางการรับประทานอาหารที่สมดุล อีกทั้งการคำนวณแคลอรี่ในการทานอาหารแต่ละจานก็เป็นเพียงแค่การคำนวณแบบคร่าว ๆ เท่านั้น เพราะว่าร้านค้าแต่ละแห่งก็มีการใส่น้ำมัน ใส่ปริมาณเครื่องปรุงที่แตกต่างกันไป และบางคนมีวิถีชีวิตที่ค่อนข้างทำงานหนักอยู่แล้ว การมานั่งไล่นับแคลอรี่ อาจจะทำให้การลดน้ำหนักของคุณนั้นเป็นเรื่องที่ยากขึ้น ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องคิดถึงเรื่องการนับแคลอรี แต่ให้เลือกทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพแทน และคุณต้องทำความรู้จักกับตัวเองให้ดีขึ้น ด้วยการทำตามคำแนะนำเหล่านี้

  • จดบันทึกสิ่งที่คุณกินและดื่มเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ในแต่ละวันคุณกินอะไรบ้างจดอย่างละเอียด
  • บันทึกทุกสิ่งที่คุณบริโภค
  • เช่นอาหารที่คุณทานเมื่อสิ้นสุดสัปดาห์นั้น

และสุดท้ายคุณจะรู้ว่ามีอาหารประเภทใดบ้างที่คุณสามารถตัดออกได้ ไม่ว่าจะเป็นขนมปัง คุกกี้ ขนมถุงกรุบกรอบ ขนมที่มีรสชาติหวานจัดมีส่วนผสมของน้ำตาลมาก ขนมที่มีแป้งเน้น ๆ ให้ตัดออกไปเลย


ลดการทานอาหารว่างของคุณ

หากคุณรับประทานอาหารครบ 3 มื้ออย่างสม่ำเสมอและสมดุลแล้ว การทานของว่างก็ไม่ค่อยจำเป็นนัก และการ ลดน้ำหนัก 5 กิโล ในอาหารมื้อหลักให้คุณเลือกทานอาหารที่ประกอบด้วยโปรตีนไม่ติดมันเป็นหลัก เพิ่มด้วยการรับประทานไฟเบอร์ วิตามินจากผัก ในส่วนของการทานผลไม้ ไม่ควรทานผลไม้ที่มีน้ำตาลเยอะหรือผลไม้ที่มีรสหวานเช่น มะม่วงสุก ส้ม ทุเรียน สับปะรด เป็นต้น และเลือกทานผลไม้ที่ดีต่อการลดน้ำหนักแทนเช่น แอปเปิ้ลสีเขียว


อยากลดน้ำหนักให้เห็นคุณจริงอย่าลืม จัดการความเครียดทางร่างกายและจิตใจ

การมีความเครียดเล็กน้อยไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่ถ้าความเครียดของคุณอยู่ในระดับสูงนานเกินไป อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและรอบเอวของคุณได้ ความเครียดทำให้ร่างกายของคุณผลิตฮอร์โมนความเครียดในระดับสูง ได้แก่ คอร์ติซอล อะดรีนาลีน และนอร์อิพิเนฟริน คอร์ติซอลสามารถกดระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มความดันโลหิต ลดการย่อยอาหาร และเพิ่มการสะสมไขมัน เพื่อลดระดับความเครียดของคุณ เราขอแนะนำให้คุณใช้เวลากับกิจกรรมต่าง ๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย เช่น การเดิน การหายใจลึก ๆ การทำสมาธิ โยคะ อ่านหนังสือ และ/หรือการอาบน้ำนาน ๆ


ดูแลสุขภาพลำไส้ของคุณ

อย่าลืมว่าสุขภาพของคุณเริ่มต้นที่ลำไส้ คุณต้องทำให้เกิดความสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ของตัวเอง และวิธีที่ดีที่สุดในการเสริมสร้างสุขภาพของลำไส้ คือ การทานอาหารที่มีโปรไบโอติกและอาหารหมัก เช่น กะหล่ำปลีดอง กิมจิ และมิโซะ และคุณยังต้องเสริมอาหารให้แบคทีเรียที่ดีด้วย การทานอาหารพรีไบโอติกตามธรรมชาติ เช่น กระเทียม หอมหัวใหญ่ และอาหารหมักดองอื่น ๆ


เลือกดื่มเครื่องดื่ม เพื่อสุขภาพ

เลือกดื่มเครื่องดื่ม เพื่อสุขภาพ

การเลือกเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเป็นวิธีง่าย ๆ ในการเพิ่มประสิทธิภาพการลดน้ำหนัก การดื่มชาลดน้ำหนัก การดื่มกาแฟดำ หรือชาเขียวที่มีส่วนช่วยในกระตุ้นการเผาผลาญ

อย่างไรก็ตามควรหลีกเลี่ยง น้ำโซดา น้ำผลไม้ น้ำชง เครื่องดื่มน้ำอัดลม และเครื่องดื่มชูกำลัง มักมีน้ำตาลสูงและมีแคลอรี่มากเกินไปเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ ซึ่งจะทำให้น้ำหนักของคุณเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ในทางกลับกัน น้ำจะช่วยทำให้คุณรู้สึกอิ่ม และเพิ่มการเผาผลาญของคุณชั่วคราวเพื่อช่วยลดแคลอรี่ และส่งเสริมการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ

จากการศึกษาผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินและเป็นโรคอ้วน 24 คนพบว่า การดื่มน้ำ 500 มล. ก่อนมื้ออาหารช่วยลดจำนวนแคลอรี่ที่บริโภคลง 13% เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม หรือการศึกษาอื่นที่ดำเนินการใน 14 คน แสดงให้เห็นว่าการดื่มน้ำ 500 มล. เพิ่มการเผาผลาญ 30% หลังจาก 30-40 นาที เพิ่มจำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญเล็กน้อยในช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อส่งเสริมการลดน้ำหนัก แนะนำให้คุณงดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและแคลอรีสูง และพยายามดื่มน้ำ 1-2 ลิตรตลอดทั้งวัน


คำแนะนำสุดท้าย ลดการกินซอสและเครื่องปรุง

มายองเนส 13 กรัม สามารถให้พลังงานได้มากถึง 90 แคลอรี ในขณะที่น้ำสลัดแรนช์เดรสให้พลังงาน 73 แคลอรีต่อ 15 กรัม ซอสเทอริยากิ ครีมเปรี้ยว เนยถั่ว และน้ำเชื่อมเมเปิ้ลเป็นซอสและเครื่องปรุงยอดนิยมอื่น ๆ ที่สามารถเพิ่มแคลอรี่ได้อย่างรวดเร็ว


การตั้งเป้า ลดน้ำหนัก 5 กิโล เป็นหนึ่งในวิธีในการเริ่มต้นลดน้ำหนักเปลี่ยนแปลงสุขภาพที่ดี เพราะการลดน้ำหนักควรเป็นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เปลี่ยนแปลงนิสัยการกิน เปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตในเรื่องของการออกกำลังกายในระยะยาว ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนแปลงเพียงแค่ชั่วครู่ชั่วยามเท่านั้น ดังนั้นการวางแผนในระยะยาวและทำอย่างเป็นสเต็ป จะดีกว่าการวางแผนเพียงแค่ช่วงประเดี๋ยวประด๋าว แต่เมื่อคุณเหนื่อยจนถึงขีดสุด หรือลดอาหารจนแบบสุด ๆ จนเกิดความท้อจนเลิกทำไป ทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมาย ดังนั้นลองตั้งเป้าเล็ก ๆ อย่างการลดน้ำหนัก 5 กิโลดูก่อน ถ้าคุณทำได้หนึ่งสเต็ปแล้ว คุณจะมีกำลังใจในการเดินไปสู่ขั้นต่อไป


อ้างอิง : How to lose 5 kg in a month: 14 easy steps. https://www.vinmec.com/vi/news/health-news/nutrition/how-to-lose-5-kg-in-a-month-14-easy-steps/

Categories
BEAUTY

ชาลดน้ำหนัก ดื่มชาอย่างไรเพื่อการลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ

การดื่ม ชาลดน้ำหนัก เป็นประจำ เป็นหนึ่งในตัวช่วยในการลดน้ำหนักที่ได้ผลจริง เพราะชาบางประเภทให้ประโยชน์ในเรื่องของการควบคุมความหิว และช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญ การดื่ม ชาลดน้ำหนัก อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนอื่นคุณจะต้องเลือกชาที่เหมาะสม เพราะชาบางประเภทเท่านั้นมีประโยชน์ในการลดน้ำหนัก ยกตัวอย่างเช่น ชาเขียว ชาอู่หลง ชาขาว และชาสมุนไพร เช่น คาโมมายล์และเปปเปอร์มินต์ ชาเหล่านี้มีสารประกอบที่อาจช่วยเพิ่มการเผาผลาญ เพิ่มออกซิเดชันของไขมัน และระงับความอยากอาหาร

และที่สำคัญคือ คุณต้องหลีกเลี่ยงการเติมน้ำตาลหรือสารให้ความหวาน หากรสชาติของชาจืดเกินไป คุณสามารถเติมมะนาวหรือน้ำผึ้งเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติได้ และต้องดื่มก่อนการทานอาหาร เพราะการดื่มชาก่อนทานอาหารสามารถช่วยลดความอยากอาหารได้ นอกจากนี้ยังสามารถรับประทานควบคู่ไปกับการซื้อยาลดความอ้วนที่ปลอดภัยได้ เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักให้ดียิ่งขึ้น

บทความนี้คุณจะได้ศึกษาเกี่ยวกัเริ่มต้นดื่ม ชาลดน้ำหนัก ด้วยพลังของชาเขียว,ชาเขียวกับการลดน้ำหนัก,การดื่มชาเขียวเพื่อลดน้ำหนัก แนะนำให้ดื่มปริมาณเท่าไหร่,ประโยชน์ของชาเขียวที่มีต่อสุขภาพ,การดื่มชาช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ?,นอกเหนือไปจากชาเขียว ขอแนะนำตัวชาช่วยลดน้ำหนักอีก 4 ประเภท และข้อควรระวังในการดื่มชาลดน้ำหนัก


เริ่มต้นดื่ม ชาลดน้ำหนัก ด้วยพลังของชาเขียว

ชาลดน้ำหนัก

การดื่มชาเขียวเป็นประจำให้ประโยชน์แก่สุขภาพหลายประการ เนื่องจากอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และสารต้านอนุมูลอิสระ และยังเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักอีกด้วย ชาเขียวถูกนำมาใช้ในวงการแพทย์แผนจีนมาช้านาน ใช้เพื่อรักษาอาการต่าง ๆ  มากมาย ตั้งแต่อาการปวดหัวไปจนถึงการรักษาบาดแผล และในปัจจุบันชาเขียวยังมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก อีกด้วย


ชาเขียวกับการลดน้ำหนัก

ชาเขียวช่วยลดน้ำหนักด้วยการกระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย ก่อนอื่นคุณต้องทำความเข้าใจว่า กระบวนการที่ทำให้ร่างกายเปลี่ยนอาหารและเครื่องดื่มเป็นพลังงาน เรียกว่า “เมแทบอลิซึม” ซึ่งการทำงานของชาเขียว จะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญของร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

และชาเขียวยังมีคาเฟอีนและสารฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าคาเทชิน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ การวิจัยชี้ให้เห็นว่าสารประกอบทั้ง 2 นี้สามารถเร่งการเผาผลาญได้ และคาเทชินสามารถช่วยสลายไขมันส่วนเกิน ในขณะที่คาเทชินและคาเฟอีนสามารถเพิ่มปริมาณพลังงานที่ร่างกายใช้ได้ ทำให้มีพลังงานในการใช้ได้มากขึ้น


การดื่มชาเขียวเพื่อลดน้ำหนัก แนะนำให้ดื่มปริมาณเท่าไหร่

การดื่มชาเขียวร้อน 2 – 3 แก้ว ต่อ 1 วัน มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะช่วยในการลดน้ำหนัก ในแต่ละครั้งแนะนำให้คุณดื่มในปริมาณเท่ากับถ้วยกาแฟร้อนแก้วเล็ก ๆ ชาเขียวมีหลายสายพันธุ์ แต่สำหรับการลดน้ำหนัก ไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ แต่ถึงกระนั้นชาเขียวที่ผ่านกระบวนการน้อยที่สุด มีแนวโน้มที่จะคงคุณค่าทางโภชนาการที่เข้มข้นเอาไว้มากที่สุด

การดื่มชาเขียวในทุก ๆ วัน ถือว่าปลอดภัยต่อการบริโภค และถือว่าเป็นอาหารลดความอ้วนง่ายๆ ที่สามารถทานได้ตลอด แต่ก็ไม่ควรมากดื่มมากเกินไป เนื่องจากจะทำให้ร่างกายของคุณได้รับคาเฟอีนในปริมาณมาก อาจทำให้นอนไม่หลับ และผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจหรือความดันโลหิตสูง ควรบริโภคด้วยความระมัดระวัง


ประโยชน์ของชาเขียวที่มีต่อสุขภาพ

ประโยชน์ของชาเขียวที่มีต่อสุขภาพ

นอกเหนือไปจากการเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักแล้ว ชาเขียวก็ยังให้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการลดคอเลสเตอรอล และช่วยปรับปรุงสุขภาพของหัวใจ เพราะชาเขียวประกอบด้วยสารประกอบต่าง ๆ มากมาย ได้แก่

  • วิตามินบี
  • โฟเลต
  • แมกนีเซียม
  • ฟลาโวนอยด์
  • และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอื่น ๆ

และให้ประโยชน์แก่สุขภาพหลายประการ ได้แก่

  • ช่วยลดคอเลสเตอรอล
  • ปรับปรุงระบบการทำงานของหัวใจ
  • ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์
  • ช่วยบรรเทาอาการ โรคเบาหวานประเภท 2
  • มีคุณสมบัติต้านมะเร็ง

และยิ่งถ้ากินควบคู่กับการออกกำลังกาย คุณจะพบกับการเปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้น โดยการออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการลดไขมันส่วนเกินในร่างกาย ซึ่งการดื่มชาเขียวร้อนเป็นประจำจะบังคับให้ร่างกายของคุณขุดคุ้ยไขมันสะสม นำมาใช้เป็นพลังงาน และเพิ่มระบบการเผาผลาญแคลอรี่ทั้งหมดของคุณ หากดื่มอย่างต่อเนื่องก็สามารถช่วยให้ลดน้ำหนักภายใน 2 เดือนได้ อย่างเป็นธรรมชาติ

สิ่งนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม สารสกัดจากชาเขียวจึงเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเผาผลาญไขมัน/ลดน้ำหนักส่วนใหญ่ เพราะชาเขียวไม่เพียงแต่มีคาเฟอีน ที่ช่วยทำให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าก่อนออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มปริมาณการเผาผลาญไขมันระหว่างออกกำลังกายอีกด้วย


การดื่มชาช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ?

การดื่มชาช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ?

การวิจัยชี้ให้เห็นว่าการดื่มชาเป็นประจำ อาจมีบทบาทโดยตรงในการช่วยลดน้ำหนัก เพราะชามีคาเทชิน ซึ่งช่วยเพิ่มการเผาผลาญโดยการกระตุ้นให้ร่างกายสลายไขมันได้เร็วขึ้น และเผาผลาญแคลอรีมากขึ้น คาเทชินเป็นสารประกอบจากพืชชนิดหนึ่งที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง จากการวิจัยพบว่าชาอุดมไปด้วยคาเทชิน 4 ชนิด ได้แก่ อีพิคาเทชิน (EC), อีปิกัลโลคาเทชิน (EGC), อีพิคาเทชินแกลเลต (ECG) และอีพิแกลโลคาเทชินแกลเลต (EGCG) โดยพบว่า EGCG มีปริมาณ EGCG มากที่สุด และเชื่อว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด มีชาหลายชนิดที่ช่วยในการลดน้ำหนัก เช่น ชาเขียว ชาดำ ชาขาว และชาอู่หลง


นอกเหนือไปจากชาเขียว ขอแนะนำตัวชาช่วยลดน้ำหนักอีก 4 ประเภท

ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ไม่ชอบดื่มชาเขียวเท่าไหร่นัก หรืออยากจะลองดื่ม ชา ลดน้ำหนัก รูปแบบอื่น ๆ ดูบ้าง วันนี้เราก็มีมาแนะนำกันอีก 4 ประเภท


1. ชาดำ

หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ใบชาดำจะมีการออกซิไดซ์ มีการดูดซับอากาศโดยรอบได้นานกว่าชาชนิดอื่น ๆ ซึ่งทำให้ชามีรสชาติเข้มข้นมาก ทำให้ชาดำเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ชาที่โดดเด่นที่สุดในตลาด การเกิดออกซิเดชันเป็นเวลานาน คือ “การหมัก” ที่เปลี่ยนส่วนประกอบของโพลีฟีนอล หรือสารประกอบจากพืชในชาดำอีกด้วย แม้ว่าจะมี EGCG เหมือนชาที่ผ่านกระบวนการน้อย แต่ก็เป็นแหล่งของ theaflavins ที่ดีกว่า โพลีฟีนอลเหล่านี้ก่อตัวขึ้นเมื่อใบชาดำถูกออกซิไดซ์ และให้ประโยชน์ในการลดน้ำหนัก ตามข้อมูลที่ตีพิมพ์ ใน Molecules ในเดือนเมษายน ปี 2018

การศึกษาในอดีตพบว่า ผู้ชายและผู้หญิงที่ดื่มชาดำแบบผง 3 ถ้วยต่อวัน สามารถคงน้ำหนักตัวมาตรฐานเอาไว้ได้ และรอบเอวลดลงหลังจากผ่านไป 3 เดือน เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ดื่มชาดำ โพลีฟีนอลในชาดำอาจทำงาน โดยการลดปริมาณแคลอรี่และลดการดูดซึมไขมัน และคาร์โบไฮเดรต

ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร European Journal of Nutrition เดือนกันยายน 2017 นักวิจัยได้ให้อาหารที่มีไขมันสูงและน้ำตาลสูงแก่หนูที่เป็นโรคอ้วนกลุ่มหนึ่ง และเสริมด้วยสารสกัดจากชาดำ หลังจากผ่านไป 4 สัปดาห์ สัตว์เหล่านี้มีน้ำหนักลดลงจนเท่ากับกลุ่มหนูอ้วนที่กินอาหารไขมันต่ำ เมื่อนักวิจัยเก็บตัวอย่างจากลำไส้ของสัตว์ พวกเขาพบว่ากลุ่มชาดำมีแบคทีเรียในลำไส้ที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วนน้อยลง และมีแบคทีเรียที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเยื่อไม่ติดมันมากขึ้น


2. ชาอู่หลง

มีรสชาติเข้มข้นกว่าชาเขียว แต่ก็ยังอ่อนกว่าชาดำ ชาอู่หลงมีส่วนผสมของโพลีฟีนอล เช่นเดียวกับชาพันธุ์อื่น ๆ มีคาเฟอีนและช่วยในการลดน้ำหนัก จากการศึกษาที่ตีพิมพ์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ใน Nutrients พบว่าสารสกัดจากชาอู่หลงช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันในหนู และการศึกษาขนาดเล็กที่มีผู้เข้าร่วมทดลอง 12 คน ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนธันวาคม 2020 ใน Nutrients พบว่าผู้ชายที่ไม่มีโรคอ้วนที่ดื่มชาอู่หลงในมื้อเช้าและมื้อกลางวัน มีการเผาผลาญไขมันหลังอาหารเพิ่มขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ หลังจากผ่านไป 14 วัน ผู้ชายที่ดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีนอื่น ๆ ก็เห็นผลลัพธ์ที่คล้ายกัน ถึงกระนั้น ไม่ได้มีการเผาผลาญไขมันในขณะนอนหลับมากเท่ากับผู้ที่ดื่มชาอู่หลง

 

จากการกระตุ้นการเผาผลาญไขมันของชาอู่หลง สามารถนำไปสู่การลดน้ำหนักโดยตรงโดยช่วยเผาผลาญไขมัน การศึกษาในอดีตพบว่าการดื่มชาอู่หลง 4 แก้วต่อวัน ช่วยทำให้ผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนลดน้ำหนักลงได้ และประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ของอาสาสมัครที่เป็นโรคอ้วนขั้นรุนแรง (ผู้ที่มีดัชนีมวลกายสูงกว่า 35) ลดน้ำหนักได้มากกว่า 2.2 ปอนด์เมื่อสิ้นสุด 6 สัปดาห์ และ 22 เปอร์เซ็นต์ลดน้ำหนักได้มากกว่า 6 ปอนด์


3. ชาขาว

ชาขาวเป็นชาที่ผ่านกระบวนการน้อยที่สุดในบรรดาชาทั้งหมด มีรสชาติที่เบาและละเอียดอ่อน ชาขาวมีสารต้านอนุมูลอิสระต้านการอักเสบและ EGCG ที่เผาผลาญไขมันในปริมาณสูง ทำให้เป็นชาที่มีประโยชน์ต่อการลดน้ำหนัก ชาขาวช่วยเร่งการสลายตัวของเซลล์ไขมัน และขัดขวางการก่อตัวของเซลล์ใหม่ ดังนั้นจึงให้ประโยชน์ในการลดน้ำหนัก จากการศึกษาในการทดลองที่ผ่านมาพบว่า สารสกัดจากชาขาวทำหน้าที่กระตุ้นการสลายไขมันของมนุษย์ และป้องกันไม่ให้เซลล์ไขมันใหม่ก่อตัวขึ้น นักวิจัยกล่าวว่าผลกระทบเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก EGCG


4. ชาชบา

ชารสเปรี้ยวที่เก็บเกี่ยวจากใบชบา มีสารคาเทชิน เช่น EGCG และช่วยลดความดันโลหิตและคอเลสเตอรอลได้ มีการศึกษาในสัตว์และมนุษย์ ที่แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากดอกชบา ช่วยรักษาความดันโลหิตสูงและคอเลสเตอรอลสูง นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยทำให้คุณรักษาน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่ดีต่อสุขภาพ ในการศึกษาที่ผ่านมา

ผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนที่รับประทานสารสกัดดอกชบาเป็นเวลา 12 สัปดาห์จะมีน้ำหนักตัว ดัชนีมวลกาย ไขมันในร่างกาย และอัตราส่วนสะโพกต่อเอวลดลงเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม นักวิจัยระบุว่าคุณสมบัติเหล่านี้ มาจากสารประกอบของพืชในสารสกัดจากดอกชบา การศึกษาอื่น ๆ รายงานผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน จากการให้สารสกัดจากดอกชบาแก่หนูที่เป็นโรคอ้วนเป็นเวลา 60 วัน


ข้อควรระวังในการดื่มชาลดน้ำหนัก

ข้อควรระวังในการดื่มชาลดน้ำหนัก

แม้ว่าการดื่ม ชา ลดน้ำหนัก จะเป็นส่วนหนึ่งในแผนการควบคุมน้ำหนักของคุณ แต่สิ่งสำคัญคือคุณต้องดื่มด้วยความระมัดระวัง เพื่อทำให้เป็นการดื่มอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ  โดยเราก็ได้นำข้อควรระวังมาแนะนำกัน

  • เลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียง: ให้เลือกแบรนด์ชาที่มีชื่อเสียง มีความน่าเชื่อถือผ่านการทดสอบคุณภาพ ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าชาปราศจากสารปนเปื้อน และเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัย
  • อ่านฉลากก่อนดื่ม: แนะนำให้คุณรายการส่วนผสม และคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ชา เพราะชาบางชนิดอาจมีส่วนผสมของสมุนไพรหรือสารกระตุ้นที่อาจมีปฏิกิริยากับยาประจำตัวที่คุณกินอยู่ หรือก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพสำหรับบางคนที่มีโรคประจำตัว
  • การบริโภคคาเฟอีน: ชาบางชนิด เช่น ชาเขียวหรือชาอู่หลง มีคาเฟอีน แม้ว่าการบริโภคคาเฟอีนในระดับปานกลางอาจมีประโยชน์ในการลดน้ำหนัก แต่การบริโภคมากเกินไปอาจนำไปสู่ผลข้างเคียง เช่น เกิดความกระวนกระวายใจ อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น และการรบกวนการนอนหลับ ดังนั้นคุณไม่ควรดื่มมากจนเกิน

และสุดท้ายแม้คุณจะเลือกดื่มชาลดน้ำหนักแล้ว แต่ก็อย่าละเลยการรับประทานอาหารที่สมดุล เน้นการทานโปรตีนและไฟเบอร์จากผักสด และอย่าขาดการออกกำลังกาย แม้ว่าการดื่มชาลดน้ำหนักจะให้ประโยชน์บางอย่าง แต่ก็ไม่ควรแทนที่การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการออกกำลังกายเป็นประจำ ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืน และช่วยเสริมสุขภาพของคุณให้มีความแข็งแรง


อ้างอิง : 5 Types of Tea That May Help With Weight Loss. https://www.everydayhealth.com/weight/types-of-tea-that-may-help-with-weight-loss/

Categories
BEAUTY

อาหารลดความอ้วนง่ายๆ แนะนำ 10 เมนูที่ทำเองได้ที่บ้าน

อาหารลดความอ้วนง่ายๆ เริ่มต้นได้จากการเลือกอาหารที่มีแคลลอรี่ต่ำ มีโปรตีนสูง และมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการแบบครบถ้วน ในบทความนี้เราจะมาแนะนำเมนูอาหารลดความอ้วนที่ทำเองที่บ้านได้ และหากต้องการให้การลดน้ำหนักลดลงได้จริง เราขอแนะนำให้ออกกำลังกาย หรือสามารถเลือกใช้ยาลดความอ้วนยอดนิยมตามรีวิวต่าง ๆ ได้เพิ่มเติม เพื่อผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น

ภายในบทความนี้คุณจะได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ อาหารลดความอ้วนง่ายๆ ตัวช่วยลดน้ำหนักชั้นเยี่ยม และ อาหารลดความอ้วนง่ายๆ 10 เมนู ไม่มีสกิลก็ทำได้! ถ้าพร้อมแล้วไปดูกัน


อาหารลดความอ้วนง่ายๆ ตัวช่วยลดน้ำหนักชั้นเยี่ยม

อาหารลดความอ้วนง่ายๆ

การเลือกเมนูอาหารที่มีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักมีความสำคัญ เนื่องจากจะทำให้คุณได้รับแคลอรี่ที่น้อยลง ซึ่งจำเป็นต่อการลดน้ำหนัก เมื่อคุณบริโภคแคลอรี่น้อยกว่าที่ร่างกายนำไปใช้ในการทำกิจกรรม และการทำงานในแต่ละวัน ไขมันที่สะสมก็ไว้จะเริ่มใช้เป็นแหล่งพลังงาน ซึ่งนำไปสู่การลดน้ำหนักในที่สุด

เมนูลดน้ำหนักที่มีคุณภาพหลายเมนู แม้จะมีแคลอรี่ที่น้อยแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหารที่ร่างกายต้องการในปริมาณสูง เช่น วิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ร่างกายไม่ขาดสารอาหาร และยังมีความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้นด้วย และอาหารบางชนิด เช่น อาหารที่มีไฟเบอร์และโปรตีนสูง จะทำให้คุณรู้สึกอิ่มนานขึ้น อาหารเหล่านี้ช่วยลดความหิวโหย และป้องกันการกินมากเกินไป ทำให้ง่ายต่อการรักษาระดับแคลอรี่ในจำนวนที่พอเหมาะต่อวัน ดังนั้นถ้าคุณเลือกทานและทำ อาหารลดความอ้วนง่ายๆ สิ่งนี้ก็จะช่วยทำให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างเห็นผล ในระยะเวลาที่จำกัดได้เร็วขึ้น


อาหารลดความอ้วนง่ายๆ 10 เมนู ไม่มีสกิลก็ทำได้!

อาหารลดความอ้วนง่ายๆ 10 เมนู ไม่มีสกิลก็ทำได้!

วันนี้เราจะมาแนะนำเมนูลดความอ้วนง่าย ๆ ทำได้จากที่บ้านมาฝากกัน เป็นเมนูที่ใช้เวลาในการทำเพียงแค่ 10 – 20 นาทีเท่านั้น เป็นเมนูที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหารช่วยในการลดน้ำหนัก เหมาะสำหรับคนที่มองหาเมนูลดความอ้วนและที่สำคัญคือคนที่ไม่เคยทำกับข้าวมาก่อนเลย หรือไม่มีสกิลในการทำอาหารมากนักก็สามารถทำตามได้ทันที


1.ลาบทูน่ากระป๋อง

อีกหนึ่งเมนูสุดแซ่บที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโปรตีน เคล็ดลับในการทำเมนูนี้ให้ออกมาเฮลตี้แบบสุด ๆ แนะนำให้ใช้ทูน่ากระป๋องที่แช่ในน้ำแร่เท่านั้น

ส่วนผสม 

  • ปลาทูน่ากระป๋องในน้ำแร่ 1 กระป๋อง
  • พริกป่น 1 – 2 ช้อนชา
  • น้ำมะนาว 3 – 4 ช้อนชา
  • น้ำปลา (สูตรโซเดียมต่ำ) 1 – 2 ช้อนชา
  • ข้าวคั่ว 2 – 3 ช้อนชา
  • หอมแดงซอย 1 ถ้วยเล็ก
  • ใบโหระพา 1 ถ้วยเล็ก
  • ต้นหอมซอย 1 ถ้วยเล็ก
  • ผักชีซอย 1 ถ้วยเล็ก
  • ผักสด ตามใจชอบ

นำปลาทูน่ากระป๋องในน้ำแร่ มาบีบน้ำออก จากนั้นปรุงรสด้วยส่วนผสมทั้งหมดแล้วค่อยใส่ผักทีหลัง เริ่มจาก พริกป่น, น้ำมะนาว และน้ำปลาโซเดียมต่ำ ตามด้วยผักทั้งหมด คลุกเคล้าให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จ กินคู่กับผักสดตามใจชอบ สามารถปรับรสตามความชอบได้ เพียงแต่อย่าหนักเค็มมากเกินไป


2.ข้าวไก่ย่างซีอิ๊ว

อีกหนึ่งเมนูที่เป็นเมนูอิ่มท้องเลยทีเดียว ทานคู่กับข้าวที่ไม่ขัดสี หรือข้าวไรซ์เบอร์รี่ก็ได้ โดยเมนูนี้จะต้องหมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หรือถ้าคุณจะเตรียมไว้ทานในช่วงเช้า สามารถหมักทิ้งข้ามคืนไว้ได้เลย

ส่วนผสม 

  • อกไก่ไม่เอาหนัง หั่นเป็นชิ้น
  • น้ำปลา (สูตรโซเดียมต่ำ) 1 – 2 ช้อนชา
  • ซีอิ๊วขาว (สูตรโซเดียมต่ำ) 1 – 2 ช้อนชา
  • ซอสหอยนางรม (สูตรโซเดียมต่ำ) 1 – 2 ช้อนชา
  • ซีอิ๊วดำ
  • ต้นหอมและผักชีซอย
  • พริกขี้หนูซอย
  • ข้าวกล้อง
  • ไข่ดาว

นำเนื้ออกไก่มาเลาะหนังทิ้ง หั่นเป็นชิ้นพอดีคำเพื่อทำให้สุกง่าย และใช้เวลาในการย่างไม่นาน นำไปหมักกับน้ำปลาสูตรโซเดียมต่ำ ซีอิ๊วขาวสูตรโซเดียมต่ำ ซอสหอยนางรมสูตรโซเดียมต่ำและซีอิ๊วดำเพียงเล็กน้อย ใช้ในการแต่งสีให้ดูน่ารับประทาน หมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที นำไก่ออกมาย่างบนกระทะเทฟลอนจนสุก โดยไม่ใส่น้ำมันเพิ่มเติมใด ๆ โรยด้วยต้นหอมและผักชีซอยเป็นอันเสร็จ ถ้าอยากตัดเลี่ยนแนะนำให้ซอยพริกขี้หนูประมาณ 1 – 2 เม็ดโรยลงไปด้วย จะช่วยเพิ่มความเผ็ด และกระตุ้นความอยากอาหาร กินคู่กับข้าวกล้อง และไข่ดาว หรือไข่ต้มเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้น้ำมัน


3.ไก่ย่างน้ำจิ้มแจ่ว

มาทำไก่ย่างจี่หอม ๆ บนกระทะกินกันแบบง่าย ๆ ดีกว่า

ส่วนผสม

  • อกไก่ ไม่เอาหนัง
  • น้ำปลา (สูตรโซเดียมต่ำ)
  • ซีอิ๊วขาว (สูตรโซเดียมต่ำ)
  • ซอสหอยนางรม (สูตรโซเดียมต่ำ)
  • นมสดไขมันต่ำ (Low Fat)
  • พริกป่น 1 – 2 ช้อนชา
  • ข้าวคั่ว 1 – 2 ช้อนชา
  • น้ำมะนาว 3 – 4 ช้อนชา
  • น้ำตาลมะพร้าว 1 – 2 ช้อนชา
  • ต้นหอมและผักชีซอย

นำส้อมมาจิ้มอกไก่ให้ทั่ว ๆ เพื่อทำให้น้ำหมักแทรกซึมลงไปได้ง่าย และทำให้ไก่สุกง่ายขึ้น นำไปหมักด้วยน้ำปลา (สูตรโซเดียมต่ำ) ซีอิ๊วขาว (สูตรโซเดียมต่ำ) ซอสหอยนางรม (สูตรโซเดียมต่ำ) และนมสด หมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วนำไปย่างกับกระทะเทฟลอนจนสุก โดยที่ไม่ใส่น้ำมันใด ๆ เพิ่มเติม ระหว่างรอไก่สุก สามารถทำน้ำจิ้มรอไว้ได้ ผสมพริกป่น ข้าวคั่ว น้ำมะนาว น้ำปลา (สูตรโซเดียมต่ำ) น้ำตาลมะพร้าว และต้นหอม-ผักชีซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน เสริมเติมแต่งรสชาติได้ตามใจชอบและไม่แนะนำให้เค็มจัดหรือหวานจัด ทานพร้อมผักตามใจชอบ


4.สลัดเห็ดออรินจิ

สลัดเห็ดออรินจิ

ถ้าคุณเบื่อสลัดรูปแบบเดิมแนะนำให้นำเห็ดย่างเสริมเข้าไปในสลัดมื้อโปรดของคุณด้วยจ ะช่วยเพิ่มความนุ่มหนึบ มีเทคเจอร์ของการเคี้ยวมากขึ้น และได้รับประโยชน์จากเห็ดแบบเต็ม ๆ

ส่วนผสม

  • เห็ดออรินจิ
  • ผักสลัดที่คุณชอบ
  • น้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่น

นำเห็ดออรินจิที่หั่นบาง ๆ บาง ๆ แล้ว ไปย่างในกระทะเทฟลอนจนสุก ห้ามใส่เนยหรือใส่น้ำมันใด ๆ ทานพร้อมผักสลัดตามชอบ ราดน้ำสลัดซีอิ๊วญี่ปุ่น พร้อมทาน


5.พล่าทูน่า

สิ่งหนึ่งที่ทำให้อาหารไทยมีรสชาติอร่อยถูกใจหลาย ๆ คน เพราะว่าสามารถปรุงรสได้แซ่บ ๆ แบบจัดจ้าน แม้คุณจะลดน้ำหนักอยู่แต่ก็สามารถทานอาหารแซ่บ ๆ ได้เช่นกัน

ส่วนผสม

  • ทูน่ากระป๋องในน้ำแร่
  • พริกขี้หนูซอย 3 – 4 เม็ด
  • ตะไคร้ซอย 1 ถ้วยเล็ก
  • หอมแดงซอย 1 ถ้วยเล็ก
  • น้ำปลา (สูตรโซเดียมต่ำ)
  • น้ำมะนาว 3 – 4 ช้อนชา
  • ใบสะระแหน่ 1 ถ้วยเล็ก
  • ผักสด ตามชอบ

นำเนื้อทูน่าออกจากกระป๋องพร้อมบีบน้ำออกให้เกือบแห้ง เริ่มจากการใส่ผักเข้าไปก่อน พริกขี้หนู ตะไคร้ และหอมแดง ปรุงรสด้วยน้ำปลา (สูตรโซเดียมต่ำ) และน้ำมะนาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน โรยใบสะระแหน่ เป็นอันเสร็จ


6. บะหมี่อกไก่ย่าง

ถ้าเบื่อข้าวแล้วมากินบะหมี่กันบ้างดีกว่า ข้อดีของการทำบะหมี่ไก่ย่าง คือ คุณสามารถแช่ไก่ที่ปรุงเสร็จแล้วได้ และสต๊อกน้ำซุปเก็บไว้ อยากกินเมื่อไหร่เพียงแค่เทน้ำซุปใส่หม้อ ต้มเส้นและโรยหน้าด้วยไก่ย่างง่าย ๆ เท่านั้นเอง ทำครั้งเดียวกินได้หลายมื้อเลย

ส่วนผสม

  • บะหมี่ผักโมโรเฮยะ
  • น้ำซุปผัก
  • เนื้ออกไก่ ไม่เอาหนัง
  • น้ำปลา (สูตรโซเดียมต่ำ)
  • นมสดไขมันต่ำ (Low Fat)
  • พริกป่น
  • น้ำมะนาว

หมักอกไก่ด้วย น้ำปลา (สูตรโซเดียมต่ำ) และนมสด ประมาณ 30 นาที จากนั้นนำไปย่างในกระทะเทฟลอนจนสุก

ลวกบะหมี่และผักที่คุณชอบ น้ำเส้นบะหมี่ผักและไก่ย่างที่ย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว จัดลงในถ้วยให้สวยงาม ราดด้วยน้ำซุปผัก ปรุงรสด้วยพริกป่น และมะนาว


7. อกไก่ไข่ขาว

สูตรนี้สำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว อยากจะใช้ไมโครเวฟในการปรุงอาหารให้สุกเครื่องเดียวจบได้เลย

ส่วนผสม

  • อกไก่หั่นเป็นลูกเต๋า
  • เกลือ
  • พริกไทย
  • ไข่ขาว 2 ฟอง

นำอกไก่หั่นเป็นลูกเต๋า  ถ้าจะปรุงด้วยไมโครเวฟให้หันเล็กสักหน่อยจะได้สุกง่าย และมั่นใจว่าไก่สุก นำไปหมักด้วยเกลือและพริกไทย ปริมาณพริกไทย ครึ่งช้อนชา เกลือครึ่งช้อนชา หมักไม่นานประมาณ 10 นาที หลังจากนั้นตอกไข่ขาวลงไป 2 ฟอง

นำเข้าเวฟประมาณ 5-7 นาที หรือจนสุก แนะนำให้ใช้ไฟกลาง 3 ารถเพิ่มรสชาติในการทานด้วยการทานคู่กับน้ำจิ้มสุกี้สูตรโซเดียมต่ำ และตามด้วยผักเคียงหรือผักสลัดที่ชอบ


8. ผัดกะเพราอกไก่

อกไก่ที่ดูจืด ๆ แต่ถ้านำมาประยุกต์ทำเป็นอาหารไทยแล้ว จะช่วยเพิ่มความแซ่บ ความน่ารับประทานได้มากขึ้นเลย

ส่วนผสม

  • อกไก่หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ
  • น้ำเปล่าครึ่งแก้ว
  • พริกขี้หนูสับ กระเทียมสับ
  • น้ำมันหอยลดโซเดียม
  • ใบกระเพรา

ตั้งกระทะและเทน้ำเปล่าครึ่งแก้วลงไป เพราะเป็นสูตรสำหรับคนลดความอ้วนดังนั้นจึงใช้การผัดน้ำ แทนการผัดด้วยน้ำมัน

รอจนน้ำเดือด ใส่พริกขี้หนูกับกระเทียมลงไปผัดจนส่งกลิ่นหอม ใส่อกไก่ลงไป อกไก่จะคายน้ำออกมาเพียงเล็กน้อย ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยลดโซเดียมครึ่งช้อนชา ผัดให้สุก หลังจากนั้นใส่ใบกระเพราลงไปประมาณ 1 กำมือ คลุกเคล้าพอให้กระเพราสลบปิดไฟ สามารถเสิร์ฟทานคู่กับข้าวสวยไม่ขัดสีได้ทันที


9. โยเกิร์ตเมล็ดเจีย

โยเกิร์ตเมล็ดเจีย

มาดูเมนูของหวานหรือเมนูที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับคนลดน้ำหนักกันบ้างดีกว่า หลีกเลี่ยงการรับประทานของหวานที่คุณเคยชอบแ ละเปลี่ยนมาเป็นเมนูโยเกิร์ตเมนูนี้ ซึ่งจะทำให้คุณนั้นคลายความคิดถึงของหวานไปบ้าง และในขณะเดียวกันก็ยังเป็นสูตรที่กระตุ้นการขับถ่ายได้ดี

ส่วนผสม

  • โยเกิร์ตใส่ถ้วย ไขมัน 0 % สูตรลดน้ำตาล หรือกรีกโยเกิร์ต
  • แอปเปิ้ลประมาณ 1 ผล
  • เมล็ดเจียลงไป 1 ช้อนชา นำไปแช่น้ำ สังเกตให้เมล็ดพองก่อนค่อยนำมาทาน

เทโยเกิร์ตใส่ถ้วย หั่นแอปเปิ้ลใส่ลงไป เทเมล็ดเจียลงไป 1 ช้อนชา เป็นอันเสร็จ แนะนำให้แช่เย็นทั้งโยเกิร์ตและแอปเปิ้ลก่อนที่จะนำมาผสมรวมกันจะช่วยเพิ่มความสดชื่นได้มากขึ้น


10. สุกี้กุ้งเส้นบุก

มาดูอีกหนึ่งไอเดียเมนูเส้น สำหรับคนที่จะลดน้ำหนักกันดีกว่า ลดน้ำหนักแต่ก็ยังกินเส้นของโปรดได้เช่นเดิม เพียงแต่ว่าอาจจะเปลี่ยนจากเส้นธรรมดา ๆ กลายมาเป็นเส้นบุกที่มีแคลอรี่น้อยกว่า

ส่วนผสม

  • เส้นบุก 1 ห่อเล็ก
  • ไข่ไก่/ ไข่ต้ม 1 ฟอง
  • น้ำมันพืช 1 ช้อนชา
  • กระเทียมสับ 1 ถ้วยเล็ก
  • กุ้งตามชอบ
  • บล็อกโคลี่ขนาด 1 ถ้วยกลาง
  • น้ำจิ้มสุกี้ สูตรลดเกลือโซเดียม

ตั้งกะทะใส่น้ำมันลงไป 1 ช้อนชา เหตุผลที่เมนูนี้ต้องใส่น้ำมัน เป็นเพราะว่ามิฉะนั้นเส้นบุกอาจจะติดกะทะได้ ใส่เพียงแต่น้อยพยายามกลิ้งน้ำมันให้ทั่วกระทะ ใส่กระเทียมสับ ใส่กุ้ง ใส่บล็อคโคลี่ ผัดจนทุกอย่างเริ่มสุก หลังจากนั้นใส่เส้นบุก ตามด้วยใส่ไข่ไก่ 1 ฟอง ขยี้ไข่ไก่ ให้ทั่วกระทะเพื่อทำให้เคลือบเส้น หรือถ้าใครไม่ชอบให้ไข่เละ ก็สามารถใช้ไข่ต้มลดน้ำหนักแทนได้ จากนั้นเทน้ำจิ้มสุกี้สูตรลดเกลือโซเดียมลงไป 3 – 4 ช้อนโต๊ะผัดให้ทุกอย่างเข้ากัน พร้อมรับประทาน


ถึงแม้ว่าอาหารที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้ อาจจะไม่ได้คลีน 100% แต่ว่าก็ใกล้เคียงกับคำว่าคลีนมากเลยทีเดียว ลดทั้งน้ำมัน ลดทั้งโซเดียม ลดทั้งน้ำตาล เน้นโปรตีนและไฟเบอร์วิตามินที่มาจากผักแบบล้น ๆ ถ้าคุณลองนำไปปรับทานดูแล้วเชื่อว่า คุณจะเห็นผลถึงการเปลี่ยนแปลง ในเรื่องของการลดน้ำหนักแน่นอน


อ้างอิง : 60 เมนู ลดน้ำหนัก พร้อมสูตรและวิธีทำ! ทำง่าย. https://women.trueid.net/detail/DxnNdwKGYpz

Categories
BEAUTY

ลดความอ้วน 7 วัน การเปลี่ยนวิธีทานอาหารเพื่อลดความอ้วนในระยะสั้น

สำหรับการ ลดความอ้วน 7 วัน เราจะพาคุณผู้อ่านมาทำความรู้จักกับ แผนอาหาร GM เป็นแผนอาหาร 7 วัน โดยทั้ง 7 วันนี้จะมีการกำหนดอาหารที่คุณต้องทานตายตัวเลยว่าคุณจะต้องทานอะไรบ้าง ต้องดื่มน้ำกี่แก้ว สูตรนี้เป็นสูตรที่ใช้เพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เพราะมิฉะนั้นอาจจะทำให้เกิดอันตรายแก่คุณได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นสูตรที่เห็นผลจริง แต่ว่าเป็นสูตรที่ใช้ในการลดระยะสั้นเพียงแค่ 7 วันเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากต้องการลดน้ำหนักอย่างปลอดภัยในระยะยาว เราขอแนะนำให้ใช้วิธีควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย หรือซื้อยาลดความอ้วนยี่ห้อที่ดีที่สุดมารับประทาน

สำหรับบทความนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมาอย่างละเอียดได้แก่ ลดความอ้วน 7 วัน ด้วยแผนอาหาร GM , แผนภูมิอาหาร GM 7 วัน ทำให้คุณลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น,สิ่งที่คุณจะได้รับ หากใช้สูตร ลดความอ้วน 7 วัน ด้วยแผนภูมิอาหาร GM,อาหาร 5 ชนิดที่ทานเพื่อลดน้ำหนักใน 7 วัน,อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน เมื่อทำตามแผนอาหาร GM,สิ่งที่คุณต้องรู้เพิ่มเติมก่อนทาน ตามสูตรลดน้ำหนัก  7 วัน,แผนภูมิอาหาร GM ไม่แนะนำให้ ทำเป็นแผนการลดน้ำหนักในระยะยาว! และ คน 4 ประเภทที่ไม่ควรปฏิบัติตาม!

ลดความอ้วน 7 วัน

แผนการทานอาหาร GM แบ่งเมนูอาหารออกเป็น 7 วัน โดยในแต่ละวันคุณจะได้กินกลุ่มอาหารที่หลากหลาย หัวใจหลักของการทานอาหาร GM คือ ช่วยกระตุ้นการลดน้ำหนัก ด้วยการทำให้คุณได้รับปริมาณแคลอรี่ที่เหมาะสม รวมถึงการทานอาหารหลายชนิดที่อุดมไปด้วยน้ำ


ลดความอ้วน 7 วัน ด้วยแผนอาหาร GM   

การทานอาหารเพื่อการลดน้ำหนักแบบ GM จะแบ่งมื้ออาหารออกเป็น 7 วัน ซึ่งคุณต้องทำตามอย่างเคร่งครัดโดยในแต่ละวัน ในกรณีที่คุณตัดสินใจเข้าโปรแกรมนี้แล้ว คุณสามารถเลือกรับประทานอาหารของตัวเองในแต่ละวันได้เลย ทำตามได้แบบง่าย ๆ

  • GM Diet วันที่ 1 – กินผลไม้เท่านั้น
  • GM Diet วันที่ 2 – กินผักเท่านั้น
  • GM Diet วันที่ 3 – กินผักและผลไม้
  • GM Diet วันที่ 4 – กินกล้วยและนม
  • GM Diet วันที่ 5 – กินเนื้อสัตว์
  • GM Diet วันที่ 6 – กินเนื้อสัตว์และผัก
  • GM Diet วันที่ 7 – กินข้าว น้ำผัก และผลไม้

แผนภูมิอาหาร GM 7 วัน ทำให้คุณลดน้ำหนักได้เร็วขึ้น

การวางแผนการทานอาหารด้วย แผนภูมิอาหาร GM มุ่งเน้นไปที่การบริโภคผักและผลไม้เป็นหลัก ทำให้ผู้ทานได้รับแคลอรี่ต่ำ นอกจากนี้ แผนการรับประทานอาหาร 7 วันนี้ยังนำเสนอบริโภคคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และเสริมการดื่มน้ำ 8-12 แก้วต่อวันเพื่อช่วยในการลดไขมัน หลักเกณฑ์พื้นฐานของการควบคุมอาหาร GM คือการจำกัดการบริโภคอาหารของคุณไปที่ผลไม้ ผัก ข้าวกล้อง และเนื้อไก่ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ทานมังสวิรัติ สามารถแทนที่การกินเนื้อสัตว์ได้ด้วยข้าวกล้อง 1 ถ้วย กินแทนไก่หรือเนื้อวัว


แผนภูมิอาหาร GM 7 วัน

 

วันที่ เมนู คำแนะนำเพิ่มเติม
วันที่ 1 เลือกทานผลไม้ที่คุณชอบ ยกเว้น กล้วย มะม่วงสุก ทุเรียน ส้ม หรือผลไม้ที่มีความหวานจัด แตงโม แตงไทย แอปเปิ้ล คือตัวเลือกที่ดีที่สุด / ดื่มน้ำ 8 – 12 แก้ว
วันที่ 2 มันฝรั่งต้มหัวใหญ่ต้ม และผักต่าง ๆ กินดิบหรือกินสุกก็ได้ แต่ต้องใช้วิธีการต้ม, ลวก หรือนึ่ง เท่านั้น เบบี้แครอท มะเขือเทศเชอรี่ แตงกวา บรอกโคลี เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด / ดื่มน้ำ 8 – 12 แก้ว
วันที่ 3 เลือกทานผลไม้ที่คุณชอบ ยกเว้น กล้วย มะม่วงสุก ทุเรียน ส้ม หรือผลไม้ที่มีความหวานจัด และต้องกินผักด้วย กินดิบหรือกินสุกก็ได้ แต่ต้องใช้วิธีการต้ม, ลวก หรือนึ่ง เท่านั้น แอปเปิ้ล มะเขือเทศเชอร์รี่ ผักโขม สตรอเบอร์รี่ เบอร์รี่ อะโวคาโด แตงกวา เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด / ดื่มน้ำ 8 – 12 แก้ว
วันที่ 4 กล้วยหอม 8 – 10 ลูก และนม 3 – 4 แก้ว กินกล้วย  2 – 3  ลูกต่และนม 1 แก้ว ต่อ 1 มื้อ / ดื่มน้ำ 8 – 12 แก้ว
วันที่ 5 มะเขือเทศ 6 ผล กินกับข้าวกล้อง 1 ถ้วย ดื่มน้ำ 12 – 15 แก้ว
วันที่ 6 ข้าวกล้อง/ไก่ย่าง 1 ถ้วยกินกับผักที่คุณชอบ นกเว้นมันฝรั่ง ถ้ากินสุกต้องใช้วิธีการต้ม, ลวก หรือนึ่ง เท่านั้น อะโวคาโดเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการกินเสริมในมื้อเช้า / ดื่มน้ำ 8 – 12 แก้ว
วันที่ 7 กับข้าวกล้อง 1 ถ้วยกินกับผักอะไรก็ได้ ถ้ากินสุกต้องใช้วิธีการต้ม, ลวก หรือนึ่ง เท่านั้น ให้ดื่มน้ำผลไม้เท่านั้น และต้องเป็นผลไม้สด ไม่ใช่น้ำผลไม้กล่อง น้ำแตงโมและผักลวกบรอกโคลีเป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ

สิ่งที่คุณจะได้รับ หากใช้สูตร ลดความอ้วน 7 วัน ด้วยแผนภูมิอาหาร GM

สิ่งที่คุณจะได้รับ หากใช้สูตร ลดความอ้วน 7 วัน ด้วยแผนภูมิอาหาร GM

นอกเหนือไปจากการจำกัดพฤติกรรมการกินที่ไม่ดี ลดการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มน้ำหนักให้น้อยที่สุดแล้ว ยังเป็นการส่งเสริมการบริโภคผักและผลไม้อีกด้วย ซึ่งเราได้นำประโยชน์หลักของการทานตาม แผนอาหาร GM สำหรับการลดน้ำหนักมาฝาก

1.หลีกเลี่ยงการกินน้ำตาล

นอกเหนือไปจากน้ำตาลฟรุกโตสแล้ว แผนการลดน้ำหนัก 7 วันนี้ จะทำให้คุณมั่นใจได้ว่า จะไม่มีการสัมผัสกับปริมาณน้ำตาลชนิดอื่นเลย

2.การล้างพิษ

เนื่องจากการบริโภคน้ำปริมาณมาก และเป็นการทานอาหารเพื่อสุขภาพและการจำกัดการบริโภคอาหารขยะ การวางแผนมื้ออาหารสำหรับการลดน้ำหนักนี้ จะทำให้ร่างกายของคุณกำจัดสารพิษส่วนเกินและขับของเสียออก

3.ผิวเปล่งปลั่ง

จากการล้างพิษในร่างกายของคุณ แผนการลดน้ำหนัก 7 วันนี้ ยังช่วยปรับปรุงสุขภาพผิวและให้ความเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ จากภายในสู่ภายนอก

4.ช่วยเพิ่มการเผาผลาญ

แผนการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วนี้ ยังส่งเสริมนิสัยการกินที่ดีต่อสุขภาพและกระตุ้นการดื่มน้ำให้มากขึ้น ซึ่งทั้ง 2 อย่างนี้จะช่วยเพิ่มการเผาผลาญอาหาร อัตราเมแทบอลิซึมที่สูงขึ้นช่วยทำให้คุณมั่นใจว่ามีการเผาผลาญแคลอรีในปริมาณที่มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การลดน้ำหนักในที่สุด‍

5.ปรับปรุงการย่อยอาหาร

อาหารที่บริโภคตลอดหลักสูตร 7 วันนั้น อุดมไปด้วยไฟเบอร์ และทำให้การเคลื่อนไหว และการทำงานของลำไส้ของคุณดีขึ้น

6. ส่งเสริมนิสัยการกินที่ดี

แผนการลดน้ำหนัก 7 วันนี้ ส่งเสริมการบริโภคผักและผลไม้ซึ่งมีแคลอรีต่ำและมีใยอาหารสูง และปลูกฝังนิสัยหลีกเลี่ยงการกินอาหารขยะทุกชนิด

แผนอาหาร GM สำหรับการลดน้ำหนักนี้ยังจำกัดการบริโภคแคลอรี่ต่อวันไว้ที่ประมาณ 1,000-1200 Cal. สิ่งนี้จะช่วยป้องกันการสะสมไขมันภายในร่างกาย ทำให้อิ่มท้องได้นานขึ้น และป้องกันไม่ให้กินมากเกินไป


อาหาร 5 ชนิดที่ทานเพื่อลดน้ำหนักใน 7 วัน

อาหาร 5 ชนิดที่ทานเพื่อลดน้ำหนักใน 7 วัน

แม้ว่าอาหาร GM จะได้รับการออกแบบมาอย่างเคร่งครัด ทำให้คุณผักและผลไม้มากกว่าการทานโปรตีน แต่ถึงกระนั้นก็มีอาหารบางอย่างสำหรับการลดน้ำหนักใน 7 วัน ที่คุณสามารถรับประทานได้ในปริมาณที่พอเหมาะ ซึ่งเป็นอาหารที่คุณทานได้เพิ่มเติมนอกเหนือไปจากที่เรานำมาแนะนำกันในข้างต้น เราได้นำตัวเลือกอาหารบางอย่างที่คุณสามารถรวมไว้ในอาหารที่คุณทานได้กัน แต่คำแนะนำคืออย่าทานมากเกินไปเด็ดขาด ถ้าอยากเห็นผลการเปลี่ยนแปลงในระยะเวลาอันสั้น

  • ชาลดน้ำหนัก : การดิ่มชาลดน้ำหนักนอกจากจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญแล้วยังช่วยเพิ่มพลังงานระหว่างวัน
  • ชาเขียว : มีสารช่วยกระตุ้นการเผาผลาญ ควรเลือกแบบไม่ใส่น้ำตาล น้ำเชื่อมหรือสารให้ความหวานใด ๆ ทั้งสิ้น
  • ถั่วงอก : มีสารอาหารที่มีประโยชน์สูง มีไฟเบอร์ ช่วยให้อยู่ท้อง
  • ถั่วหนึ่งกำมือ  : เม็ดมะม่วงหิมพานต์ อัลมอนด์ วอลนัท และหลีกเลี่ยงการกินถั่วบดหรือลูกเกด
  • กาแฟดำ : เลือกแบบไม่ใส่น้ำตาล น้ำเชื่อมหรือสารให้ความหวานใด ๆ ทั้งสิ้น

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน เมื่อทำตามแผนอาหาร GM

หากคุณกำลังปฏิบัติตามแผนการลดน้ำหนัก 7 วันนี้ ก็มีรายการอาหารบางรายการที่คุณต้องหลีกเลี่ยง ไม่กินอย่างเด็ดขาด ในระหว่างการควบคุมอาหารของคุณเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ได้ผล การบริโภคเครื่องดื่มชนิดอื่นนอกเหนือจากน้ำ ห้าม! ไม่ว่าจะเป็นไดเอทโซดา แอลกอฮอล์ หรือเครื่องดื่มเย็นอื่น ๆ เป็นสิ่งต้องห้ามในขณะที่ปฏิบัติตามแผนการรับประทานอาหาร GM สำหรับการลดน้ำหนัก และควรหลีกเลี่ยงอาหาร Junk food แป้งขัดขาว และอาหารบรรจุห่อทุกชนิด


สิ่งที่คุณต้องรู้เพิ่มเติมก่อนทาน ตามสูตรลดน้ำหนัก  7 วัน

หากคุณตัดสินใจที่จะทำตามแผนการควบคุมอาหาร 7 วันสำหรับการลดน้ำหนักนี้ มีข้อควรระวังบางอย่างที่คุณต้องรู้และปฏิบัติตาม

  • เมื่อคุณปฏิบัติตามแผนการรับประทานอาหาร GM คุณจะพบการเปลี่ยนแปลงของการลดน้ำหนักภายใน 3 วันแรก เนื่องจากการบริโภคคาร์โบไฮเดรตลดลงประมาณ 1,000 แคลอรี่ต่อวัน
  • แผนอาหาร GM เป็นอาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำ ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำว่าควรออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นต่ำ เช่น โยคะ
  • ในช่วง 3 วันแรกของการปฏิบัติตามแผนอาหารนี้ จะไม่มีการจำกัดปริมาณอาหารที่คุณรับประทานเข้าไป นอกจากนี้ หลีกเลี่ยงการไปยิมในช่วง 3 วันแรกของแผนการลดน้ำหนัก ห้ามใช้แรงหนัก
  • ในอีก 7 วันนับจากเริ่มแผนการลดน้ำหนักแบบ GM คุณจะลดน้ำหนักได้ประมาณ 4 – 7 กิโลกรัม

แผนภูมิอาหาร GM ไม่แนะนำให้ ทำเป็นแผนการลดน้ำหนักในระยะยาว!

แผนการรับประทานอาหารลดน้ำหนัก 7 วันนี้ ไม่ได้สอนวิธีการทำอาหารและการกินเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการควบคุมน้ำหนักในระยะยาว สูตรอาหารระยะสั้นนี้ มีประสิทธิภาพในการรักษาน้ำหนักให้ลดลงน้อยในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งส่วนมากจะลดน้ำหนักได้ 5 กิโล ทางที่ดีควรปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตในระยะยาว เช่น เพิ่มการออกกำลังกายและทำอาหารด้วยของเพื่อสุขภาพต่าง ๆ ดังนั้นให้ใช้ในช่วงที่คุณต้องการลดน้ำหนักแบบเร่งด่วนจริง ๆ เท่านั้น และให้ทำแค่ครั้งเดียว (7 วันจบ) ห้ามทำติดต่อกันเด็ดขาด


ระวังการขาดสารอาหารที่สำคัญ

สารอาหารบางประเภทที่มีความสำคัญ เช่น ไขมันและโปรตีนที่ดีต่อสุขภาพ จะไม่พบในการทานอาหารสูตรนี้ และยังขาดวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญซึ่งได้รับจากการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย ถึงแม้ว่าไขมันทรานส์ที่พบในอาหารทอดและอบ สามารถเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลและสร้างปัญหาสุขภาพก็ตาม แต่ร่างกายมนุษย์ต้องการไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีต่อสุขภาพเพื่อให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง ไขมันไม่อิ่มตัว เช่น ที่พบในปลาแซลมอน อะโวคาโด และวอลนัท สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและให้ประโยชน์ต่อสุขภาพอื่น ๆ


คน 4 ประเภทที่ไม่ควรปฏิบัติตาม!

คน 4 ประเภทที่ไม่ควรปฏิบัติตาม!

แผนการลดน้ำหนัก 7 วันนี้ไม่แนะนำสำหรับทุกคน เพราะเป็นหลักการที่ขัดกับหลักการของการรับประทานอาหารที่สมดุล แม้ว่าจะเน้นการบริโภคคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน และอาหารที่มีแคลอรีต่ำก็ตาม โดยเฉพาะผู้ที่จัดอยู่ใน 4 กลุ่มเหล่านี้

  • สตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร ห้ามปฏิบัติตามแผนการนี้เด็ดขาด
  • ผู้ที่มีกิจวัตรหรืองานที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย หรือต้องใช้แรงมาก เช่น ผู้ที่ออกกำลังกายเพื่อความแข็งแรง
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานประเภท 1, 2 และโรคต่อมไทรอยด์ไม่ควรปฏิบัติตามแผนการรับประทานอาหารนี้เด็ดขาด
  • ผู้ที่มีปัญหา PCOD และ PCOS

สรุป สูตรนี้เปรียบเสมือนเหรียญที่มี 2 ด้าน อาหาร GM เป็นแผนการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วที่มาพร้อมกับข้อเสียในตัวเอง แผนลดน้ำหนัก 7 วันนี้เป็นโปรแกรมลดน้ำหนักระยะสั้น ใช้สำหรับในช่วงที่คุณต้องการการลดน้ำหนักอย่างฉุกเฉินจริง ๆ เท้านั้น คุณควรจะพิจารณาและตัดสินใจให้ดีก่อนใช้ เพราะความผอมที่มาพร้อมกับการขาดสารอาหารหรือไม่มีแรง เป็นการลดน้ำหนักที่ไม่ใช่การลดน้ำหนักที่แท้จริง การลดน้ำหนักที่แท้จริงคือ น้ำหนักลดลงอย่างมีสุขภาพดี กินได้อย่างเต็มอิ่ม มีความสุข มีแรงและทำให้คุณใช้ชีวิตด้วยความแข็งแกร่ง


อ้างอิง : GM Diet Plan | Proven 7-Day Diet Plan for Weight Loss. https://blog.decathlon.in/articles/gm-diet-plan-proven-way-to-lose-weight-in-7-days

Categories
BEAUTY

ลดน้ําหนักกรุ๊ปเลือด AB คนเลือดกรุ๊ปนี้ควรกินและควรหลีกเลี่ยงอะไร?

การ ลดน้ําหนักกรุ๊ปเลือด AB อ้างอิงตามทฤษฎีการรับประทานอาหารตามกรุ๊ปเลือด ที่พัฒนาโดย Dr. Peter J. D’Adamo มีการให้คำแนะนำว่า บุคคลที่มีกรุ๊ปเลือด AB จะถือว่าเป็น “Mixed Types” และควรกินอาหารที่สมดุล ซึ่งผสมผสานลักษณะบางอย่างของกรุ๊ปเลือด A และ B เข้าไว้ด้วยกัน อาหารที่แนะนำให้ผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด AB ทาน ได้แก่ ผักหลากหลายชนิดอย่าง บรอกโคลี แครอท ผักโขม คะน้า และกระเทียม และควรทานโปรตีนไม่ติดมัน เช่น ปลา เต้าหู้ เทมเป้ และอาหารทะเล เช่น ปลาแซลมอนและปลาแมคเคอเรล ในส่วนของผลิตภัณฑ์จากนม แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์จากนม เช่น โยเกิร์ต และนมแพะ แต่ต้องดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ นอกจากนี้เพื่อประสิทธิภาพในการลดน้ำหนัก ขอแนะนำให้ออกกำลังกายเพิ่มเติมหรือเลือกซื้อยาลดน้ำหนักยี่ห้อที่ดีที่สุดมารับประทาน

สำหรับบทความนี้เราได้รวบรวมหัวข้อมาให้ศึกษากันได้แก่ วิธีลดน้ําหนักตามกรุ๊ปเลือด AB คืออะไร?, ทำความรู้จักกับ คนกรุ๊ปเลือด AB, ทำความรู้จักกับกรุ๊ปเลือด AB เพื่อสร้างสุขภาพในการกินที่ดี,กรุ๊ป AB ควรหลีกเลี่ยงคาเฟอีน และแอลกอฮอล์, ความเครียดและการออกกำลังกาย ของคนกรุ๊ป AB, บุคลิกภาพของคนกรุ๊ป AB,ข้อควรรู้เพิ่มเติมของคนที่มีกรุ๊ปเลือด AB, การออกกำลังกายสำหรับ คนกรุ๊ปเลือด AB และกลยุทธ์แนะนำ ช่วยปรับแนวทางการใช้ชีวิตของผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด AB 


วิธี ลดน้ําหนักตามกรุ๊ปเลือด AB คืออะไร?

ลดน้ําหนักกรุ๊ปเลือด AB

วิธี กินอาหารตามกรุ๊ปเลือด หรือที่รู้จักในชื่อ “The Blood Type Diet” นั้นได้รับความนิยมในผู้ที่สนใจในการเลือกทานอาหาร เพื่อดูแลตัวเองเป็นหลัก ได้รับการคิดค้น โดยแพทย์โรคธรรมชาติบำบัด Dr. Peter J. D’Adamo ตามทฤษฎีของเขากล่าวว่า กรุ๊ปเลือดของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ดังนั้นถ้าอยากเสริมประสิทธิภาพของร่างกายให้อยู่ในระดับขีดสุด จะต้องเลือกรับประทานอาหารเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี ส่งเสริมการลดน้ำหนัก และป้องกันโรค โดยกรุ๊ปเลือดต่าง ๆ (A, B, AB และ O) มีวิวัฒนาการในช่วงเวลาที่แตกต่างกันในประวัติศาสตร์ ทำให้มีความต้องการทางโภชนาการที่แตกต่างกัน นี่จึงเป็นที่มาของการกินอาหารตามกรุ๊ปเลือด

ในส่วนของผู้ที่มีกรุ๊ป AB ถือว่าเป็น “Mixed Type” ผู้ที่มีเลือดกรุ๊ป AB ควรรับประทานอาหารที่ผสมผสานลักษณะของผู้ที่มีกรุ๊ปเลือก A และ B เข้าด้วยกัน ต้องทานอาหารที่หลากหลาย มีส่วนผสมของผลไม้ ผัก ธัญพืช พืชตระกูลถั่ว และโปรตีนไม่ติดมัน และควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป คาเฟอีน และแอลกอฮอล์


ทำความรู้จักกับ คนกรุ๊ปเลือด AB

ทำความรู้จักกับ คนกรุ๊ปเลือด AB

คนกรุ๊ปเลือด AB มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากคนเลือกกรุ๊ป O โดยจะมีความอ่อนแอต่อโรคต่าง ๆ มากกว่า และกรุ๊ปเลือด AB นั้นหายาก พบได้น้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ของประชากร และเป็นกรุ๊ปเลือดที่มีความ “ใหม่ล่าสุด” เพิ่งเจอเมื่อ 10 – 12 ศตวรรษที่ผ่านมา ที่มีกรุ๊ปเลือด AB เพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย ผู้ที่มีเลือดประเภท AB เป็นผลมาจากการผสมระหว่าง ผู้ที่มีเลือดประเภท A กับประเภท B ซึ่งแตกต่างจากยีนอื่น ๆ เกือบทั้งหมด โดยที่ อัลลีล A และ B เป็น “ตัวเด่นร่วม”  ซึ่งหมายความว่าทั้ง A และ B อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข กรุ๊ป AB เป็นกรุ๊ปเลือดเดียวที่ดำรงอยู่ เป็นผลมาจากการผสมข้ามสายพันธุ์มากกว่าวิวัฒนาการและสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงมีการแบ่งปันทั้งประโยชน์และจุดด้อยของทั้งกรุ๊ปเลือด A และกรุ๊ป B รวมกัน กรุ๊ป AB มีลักษณะเฉพาะที่เหมือนกับกิ้งก่า เพราะสามารถปรับให้เข้ากับลักษณะของกรุ๊ปเลือดอื่น ๆ ในแต่ละกรุ๊ปได้ Type AB บางครั้งก็คล้าย A บางครั้งก็คล้าย B และบางครั้งก็เป็นฟิวชั่นของทั้ง 2 อย่าง


ทำความรู้จักกับกรุ๊ปเลือด AB เพื่อสร้างสุขภาพในการกินที่ดี

ผู้ที่มีเลือดประเภท AB สะท้อนให้เห็นถึงการถ่ายทอดทางพันธุกรรมของยีน A และ B ตามที่ Dr. D’Adamo กล่าวว่า “Type AB มีกรดในกระเพาะอาหารต่ำ เหมือนอย่างผู้ที่มีเลือด Type A แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีการปรับตัวของ Type B ที่เหมาะในการทานเนื้อสัตว์เช่นกัน แต่ส่วนใหญ่แล้วผู้ที่มีเลือดประเภท AB จะขาดกรดในกระเพาะอาหาร ที่จะใช้ในการเผาผลาญอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเนื้อสัตว์ที่คุณกินก็มีแนวโน้มที่จะสะสมเป็นไขมัน เนื่องจากกรุ๊ปเลือด AB มีทั้งแอนติเจนของกรุ๊ปเลือด A และ B อาหารที่มีสารเคมีที่เรียกว่าเลคติน จึงมีแนวโน้มที่จะทำปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อและเซลล์ของกรุ๊ปเลือด AB มากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น ๆ


กรุ๊ป AB ควรหลีกเลี่ยงคาเฟอีน และแอลกอฮอล์

ผู้ที่มีเลือดกรุ๊ป AB ควรให้ความสำคัญในการทานอาหารลความอ้วนที่เหมาะสมกับตนเอง เช่นการทาน เต้าหู้ อาหารทะเล นม และผักใบเขียว และถ้าหากคุณกำลังพยายามลดน้ำหนักต้อง “หลีกเลี่ยงเนื้อรมควัน หรือเนื้อหมัก อาหารเหล่านี้สามารถก่อให้เกิดมะเร็งกระเพาะอาหารในผู้ที่มีระดับกรดในกระเพาะอาหารต่ำได้” และยังมีอาหารทะเลหลากหลายประเภท ที่เหมาะกับคนกรุ๊ป AB และเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีเยี่ยมสำหรับกรุ๊ป AB ปลาที่มีประโยชน์สูงบางชนิด ได้แก่ ปลามาฮิมาฮิ ปลากะพงแดง ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน และปลาทูน่า นอกจากนี้ ยังสามารถรับประทานโปรตีนจากไข่ต้มเพื่อลดความอ้วน นมบางชนิดยังมีประโยชน์ต่อผู้ที่มีเลือดประเภท AB โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์นมอย่างโยเกิร์ต

และแนะนำให้รับประทานอาหารมื้อเล็ก ๆ แต่บ่อยขึ้น เนื่องจากจะช่วยแก้ปัญหาการย่อยอาหารที่เกิดจากกรดในกระเพาะอาหารและเอนไซม์ย่อยอาหารไม่เพียงพอ “กระเพาะอาหารของคนเรา จะเริ่มต้นกระบวนการย่อยอาหารด้วยการปล่อยสารคัดหลั่งออกมาจากระบบย่อยอาหาร และตามด้วยการหดตัวของกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ผสมอาหารเข้าด้วยกัน แต่ถ้ามีระดับการย่อยอาหารต่ำ อาหารมักจะอยู่ในกระเพาะอาหารนานขึ้น” นอกจากนี้ยังแนะนำว่า Type AB ควรให้ความสำคัญกับการไม่ทานอาหารบางชนิดในมื้อเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น คุณจะย่อยและเผาผลาญอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากคุณหลีกเลี่ยงการรับประทานแป้งและโปรตีนในมื้อเดียวกัน


ความเครียดและการออกกำลังกาย ของคนกรุ๊ป AB

สำหรับกรุ๊ป AB เมื่อพูดถึงฮอร์โมนความเครียด จะมีความคล้ายกรุ๊ป O มากที่สุด โดยมีแนวโน้มที่จะผลิตแคทีโคลามีนมากเกินไป เช่น อะดรีนาลีน แต่ยังมีการเพิ่มความซับซ้อนเพิ่มเติมจาก Type B ด้วย ดังนั้นคุณจึงจะได้รับผลกระทบทางกายภาพจากอารมณ์ที่สูง สิ่งที่อันตรายที่สุดของคุณคือแนวโน้มที่จะกลายเป็นคนเก็บกดอยู่ภายใน โดยเฉพาะการเก็บความโกรธและความเกลียดชัง ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพของคุณมากกว่าที่คุณคิด

ดังนั้นการออกกำลังกายจึงมีส่วนสำคัญในการลดความเครียด ช่วย ลดน้ําหนักตามกรุ๊ปเลือด AB และรักษาสมดุลทางอารมณ์ที่ดีสำหรับกรุ๊ป AB ขอแนะนำให้คุณทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย และมีการออกกำลังกายที่หนักขึ้นเพื่อช่วยรักษาสมดุลทางอารมณ์ให้เหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น ออกกำลังกายแบบแอโรบิก 3 วัน เช่น วิ่งหรือปั่นจักรยาน และ 2 วันออกกำลังกายเพื่อสร้างความสงบในใจ เช่น การทำโยคะหรือไทเก็ก


บุคลิกภาพของคนกรุ๊ป AB

บุคลิกภาพของคนกรุ๊ป AB

ผู้ที่มีเลือด AB มักจะมีความหลากหลายเกี่ยวกับสุขภาพทางอารมณ์ บุคลิกภาพแรกคือคุณมักจะเป็นคนที่ดึงดูดผู้อื่น เป็นมิตรและไว้วางใจได้ แต่ถึงกระนั้นอีกด้านหนึ่งคุณก็รู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากสังคม คุณเป็นคนมีสัญชาตญาณและมีจิตวิญญาณ มีความสามารถในการมองข้ามขอบเขตที่เข้มงวดของสังคม และใช้ชีวิตในแบบที่เป็นตัวเอง คุณมีความหลงใหลในความเชื่อของคุณ แต่ถึงกระนั้นคุณก็ต้องการให้ผู้อื่นชื่นชอบเช่นกัน ซึ่งสิ่งนี้อาจสร้างความขัดแย้งภายในใจได้ ในการศึกษาอิสระพบว่า Type ABs เป็นคนที่มีอารมณ์หลงใหล เป็นมิตร ไว้วางใจได้ และเห็นอกเห็นใจผู้อื่น กรุ๊ป AB ถือเป็นกรุ๊ปเลือดที่น่าสนใจที่สุด ทั้ง John F. Kennedy และ Marilyn Monroe ต่างก็มีเลือดกรุ๊ป AB


ข้อควรรู้เพิ่มเติมของคนที่มีกรุ๊ปเลือด AB

คนที่มีเลือดกรุ๊ป AB มีความซับซ้อนทางชีวภาพมากกว่ากรุ๊ปอื่น ตามข้อมูลของ D’Adamo กล่าวว่าผู้ที่มีกรุ๊ปเลือดนี้ จะมีความเหมาะสมที่สุด จากการผสมผสานระหว่างการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารสำหรับผู้ที่มีเลือดประเภท A และ B แต่ควรจำกัดการทานเนื้อสัตว์ที่ย่อยยาก เชื่อกันว่ากรุ๊ปเลือดนี้มีแนวโน้มที่จะมีอัตราการเป็นโรคภูมิแพ้น้อยกว่า แต่โอกาสพบโรคหัวใจ มะเร็ง และโรคโลหิตจางเป็นเรื่องปกติ ผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด AB สามารถรับประทานอาหารใดก็ได้ ที่เหมาะสำหรับคนกรุ๊ปเลือด A และ B แต่การมุ่งเป้าไปที่การรับประทานอาหารมังสวิรัติ จะเหมาะสมที่สุดสำหรับคนที่มีเลือดประเภทนี้


การออกกำลังกายสำหรับ คนกรุ๊ปเลือด AB

เหมาะสำหรับการออกกำลังกายแบบผสมผสาน เมื่อต้องรับมือกับความเครียด กรุ๊ปเลือด AB มักจะมีลักษณะร่วมกับทั้งกรุ๊ป As และกรุ๊ป Os ดังนั้นจึงควรผสมผสานระหว่างการทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย และการออกกำลังกายอย่างหนัก โดยโยคะเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับ ผู้ที่มีเลือดกรุ๊ป AB เช่นเดียวกับการว่ายน้ำและปั่นจักรยาน กิจวัตรในการออกกำลังกายในอุดมคติควรรวมถึงกิจกรรม ที่มีการกระตุ้นหัวใจและช่วยกระตุ้นหลอดเลือดออกเทนสูง อย่างการฝึกด้วยการยกน้ำหนัก เวทเทรนนิ่ง และการออกกำลังกายที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นด้วย


กลยุทธ์แนะนำ ช่วยปรับแนวทางการใช้ชีวิตของผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด AB

กลยุทธ์แนะนำ ช่วยปรับแนวทางการใช้ชีวิตของผู้ที่มีกรุ๊ปเลือด AB

การที่คุณตัดสินใจอยากจะลดน้ำหนัก ลดไขมันจัดเป็นหนึ่งในแนวทางที่คุณอยากจะเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง ซึ่งการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนนั้น มาพร้อมควบคู่กับการมีสุขภาพที่ดี มีความแข็งแรงทั้งในเรื่องของจิตใจและอารมณ์ ดังนั้นในหัวข้อนี้เราจะมาแนะนำกลยุทธ์แนะนำ ที่จะช่วยปรับแนวทางในการใช้ชีวิตของผู้ที่มีเลือดกรุ๊ป AB ให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น มีแนวทางในการใช้ชีวิตที่เป็นของตัวเองมากขึ้น ช่วยลดความเครียด และทำให้คุณใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้น และมีความสุขมากขึ้นอย่างแน่นอน

  • พยายามอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรสำหรับคุณ หลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่มีการแข่งขันสูง
  • หลีกเลี่ยงการคิดแบบจับจดจับจ้องไปที่ปัญหา โดยเฉพาะประเด็นที่คุณไม่สามารถควบคุมหรือชักจูงได้
  • พัฒนาแผนที่ชัดเจนสำหรับการกำหนดเป้าหมายในชีวิต และการทำงาน รายปี รายเดือน รายสัปดาห์ รายวัน เพื่อหลีกเลี่ยงความเร่งรีบ เพราะจะทำให้คุณเกิดความเครียดได้ง่าย
  • ค่อย ๆ เปลี่ยนวิถีชีวิตแทนที่จะพยายามจัดการทุกอย่างพร้อมกัน
  • ออกกำลังกายแบบแอโรบิกสี่ 40 – 60 นาทีอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ปรับสมดุลด้วยการยืดกล้ามเนื้อ ทำสมาธิ หรือเล่นโยคะทุกวัน
  • มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมในละแวกบ้าน หรือเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่มอื่น ๆ ที่ทำให้คุณมีความสัมพันธ์ที่มีความหมาย
  • หาเวลาอยู่คนเดียวด้วย ให้หากีฬา งานอดิเรก หรือกิจกรรมอย่างน้อยหนึ่งอย่างที่คุณทำ โดยไม่ต้องรอผู้อื่น อยากทำก็ทำเลย
  • แบ่งวันทำงานของคุณด้วยการออกกำลังกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากงานของคุณต้องนั่งประจำที่ สิ่งนี้จะทำให้คุณรู้สึกมีพลังมากขึ้น และยังช่วยลดไขมัน ลดความอ้วนได้อีกทางหนึ่งด้วย

และลดนี่ก็คือความรู้ที่ครบเครื่องเกี่ยวกับการ ลดน้ําหนักกรุ๊ปเลือด AB ซึ่งคุณสามารถนำไปปรับใช้กับการลดน้ำหนักได้เลยหรือ ในกรณีที่คุณมีน้ำหนักที่พอใจ มีรูปร่างที่ทำให้คุณแฮปปี้แล้ว แต่คุณอยากจะปรับปรุงในเรื่องของการรับประทานอาหารเสริมสุขภาพตัวเองเพิ่มขึ้นอีกสักหน่อย ก็สามารถนำแนวทางเหล่านี้ที่เราแนะนำ นำไปใช้ในการดูแลสุขภาพของตนเองเพิ่มเติมได้ทันที


อ้างอิง: Blood Type AB. https://www.dadamo.com/txt/index.pl?1005