Categories
Uncategorized

อาหารลดบวม ตัวช่วยเร่งด่วนสำหรับสาว ๆ หลังทานมื้อหนัก

อาหารลดบวม ตัวช่วยเร่งด่วนสำหรับสาว ๆ หลังทานมื้อหนัก

สาว ๆ คนไหนที่เพิ่งทานมื้อหนักมาหรือทานปริมาณปกติ แต่อยู่ ๆ ก็รู้สึกว่าหน้าบวม ตัวบวมขึ้น อาจเกิดจากสาเหตุที่เราทานอาหารรสจัดหรือมีส่วนผสมของโซเดียมมากเกินไปนั่นเอง โดยเฉพาะรสเค็มจัดหรือพวกอาหารแปรรูป เพราะโซเดียมจะทำให้เกิดการคั่งของเกลือและน้ำในร่างกาย เป็นการเพิ่มปริมาณของเหลวในร่างกายและทำให้เกิดอาการบวมน้ำได้ อาการบวมน้ำ บางครั้งก็อาจส่งผลให้รูปร่างของเรามีขนาดที่ใหญ่ขึ้น เพราะน้ำหรือน้ำเหลืองจะเข้าไปสะสมอยู่ภายในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของร่างกาย ซึ่งหากมีมากเกินไปก็มีโอกาสที่จะทำให้ทุกส่วนของร่างกายบวมขึ้นมาได้ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการรับประทานอาหาร อาหารสำเร็จรูป อาหารฟาสต์ฟู้ด พวกขนมทั้งหลาย หรือช่วงที่มีประจำเดือนก็อาจส่งผลให้ตัวบวมได้ด้วยเช่นกัน วันนี้เราจะพาคุณมาดูกันว่าอาการบวมน้ำสามารถลดได้อย่างไรหรือมี อาหารลดบวม อะไรบ้างที่สามารถช่วยได้


สังเกตยังไงว่าเป็นอาการบวมน้ำหรืออ้วน? 

หลาย ๆ คนคงจะสับสนว่าแล้วแบบนี้ เราจะแยกความแตกต่างระหว่างอาการบวมน้ำกับความอ้วนได้อย่างไร เพราะไม่ว่าจะบวม หรืออ้วนร่างกายของเราก็มีการขยายใหญ่ขึ้น ในส่วนนี้อาจจะเป็นเรื่องยากที่จะระบุความแตกต่างออกมาได้หากไม่ได้ทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สัญญาณหนึ่งของโรคอ้วนที่เด่นชัดที่สุดคือค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ที่มากเกินมาตรฐาน ซึ่งเกิดจากไขมันที่สะสมในร่างกายมากเกินไปนั่นเอง

ส่วนอาการบวมน้ำนั้นโดยมากแล้วเกิดจากการที่เซลล์กักเก็บเอาน้ำไว้มากเกินไป ส่งผลให้เซลล์เกิดอาการบวม โดยอาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่น มีความดันโลหิตสูง มี HDL คอเลสเตอรอลต่ำกว่าปกติ และมีระดับไตรกลีเซอไรด์สูงร่วมด้วย 

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการบวมน้ำนั้นก็มีหลายสาเหตุ เช่น การรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูงเกินไป, ความไม่สมดุลของฮอร์โมนเอสโตรเจน และโปสเจสเตอโรนในช่วงมีประจำเดือน หรือจากการดื่มแอลกอฮอล์ เป็นต้น

อย่างไรก็ตามอาการบวมน้ำก็มีสัญญาณทางกายภาพบางอย่างที่บ่งบอกได้ชัดเจน โดยเราสามารถสังเกตเบื้องต้นด้วยตนเอง วิธีการก็คือให้ใช้นิ้วกดบริเวณที่บวมตามร่างกายค้างไว้นานประมาณ 10-15 วินาที เช่นบริเวณตามข้อเท้า เท้า มือ หรือใบหน้า หากกดลงไปแล้วเกิดเป็นรอยนิ้วบุ๋มลงไปเรียกว่าอาการบวมน้ำ แต่ถ้ากดแล้วไม่ยุบ ผิวยังคงความตึง และแน่น นั่นก็แสดงว่าคือความอ้วนนั่นเอง


วิธีรักษาอาการบวมน้ำ 

อาหารลดบวม

หากคุณสงสัยว่าร่างกายเกิดอาการบวมน้ำ คุณสามารถรักษาอาการเบื้องต้นได้ตัวตัวเองตามวิธีดังต่อไปนี้

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยฟื้นฟูระบบต่าง ๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยทั่วไปแล้วคนเราควรนอนหลับให้ได้วันละ 7-8 ชั่วโมงต่อวัน

  1. หมั่นออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเปรียบเสมือนยารักษาโรคที่ดีที่สุด เพียงแค่คุณได้ขยับร่างกายเบา ๆ เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของคุณก็จะแข็งแรงขึ้นแถมยังช่วยลดไขมัน และทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตให้ร่างกายดีขึ้น และสิ่งสำคัญของการออกกำลังกายที่สามารถรักษาอาการบวมน้ำได้ก็คือร่างกายจะขับน้ำออกทางเหงื่อนั่นเอง

  1. ลดการกินเค็ม

อาหารที่มีรสเค็มส่วนใหญ่จะเป็นอาหารที่มีโซเดียมสูง ซึ่งเจ้าโซเดียมนี่แหละที่เป็นตัวการทำให้ร่างกายของเราเกิดอาการบวมน้ำ หากคุณลดการกินเค็มโดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูปลงมาได้ก็จะถือว่าเป็นการลดโซเดียมให้กับร่างกายได้อีกด้วย

  1. ดื่มน้ำให้ได้วันละ 6-8 แก้ว

อย่าเข้าใจผิดว่ายิ่งดื่มน้ำร่างกายจะเกิดอาการบวมน้ำมากขึ้น เพราะที่จริงแล้วน้ำจะเป็นตัวเข้าไปช่วยปรับความสมดุลให้กับร่างกาย และที่สำคัญการดื่มน้ำมาก ๆ ก็เป็นการช่วยขับสารพิษและโซเดียมออกจากร่างกายได้อีกด้วย คุณควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 6-8 แก้วเป็นอย่างต่ำ

  1. ขยับท่าทางบ่อย ๆ

การที่คุณไม่ชอบขยับร่างกายหรือนั่งและนอนท่าเดิม ๆ นานเกินไป ของเหลวในร่างกายจะไม่สามารถไหลเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สิ่งนี้กลายมาเป็นสาเหตุหลักของการบวมน้ำได้ ดังนั้นแล้วควรขยับท่าทางบ่อย ๆ เพื่อให้ของเหลวสามารถไหลเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ

  1. กินอาหารลดบวมให้ช้าลง

บางครั้งการกินอาหารเร็วเกินไปก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ร่างกายบวมขึ้นมาได้เนื่องจากอาการท้องอืดนั่นเอง เพราะเมื่อเวลาคนเรากินเร็วนั่นอาหารจะสามารถเข้าไปร่างกายได้มากเกินความจำเป็น การกินให้ช้าลงนอกจากจะช่วยลดอาการบวมแล้วยังช่วยให้อิ่มไวและท้องไม่อืดได้อีกด้วย

  1. กินผักและผลไม้เป็นประจำ

อาหารลดบวมอย่างผักและผลไม้ เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถลดอาการบวมน้ำได้เป็นอย่างดี คุณสามารถกินผักหรือผลไม้ เช่น กล้วย มะเขือเทศ กีวี แตงโม หรือผลไม้ที่มีกากใยและมีน้ำเยอะก็ได้

  1. นวดบริเวณที่บวม 

คุณสามารถนวดเพื่อให้แรงกดเป็นตัวช่วยกระจายของเหลวตามร่างกายให้ออกจากบริเวณนั้นได้ หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือการฝังเข็มที่สามารถลดอาการตัวบวมได้เช่นกัน

  1. หมั่นยืดในส่วนที่บวม 

หากคุณสังเกตว่าอวัยวะส่วนไหนที่มีความบวมเป็นพิเศษ คุณต้องยืดและเหยียดบริเวณนั้นให้อยู่สูงกว่าระดับหัวใจ โดยทำอย่างสม่ำเสมอประมาณ 2-3 ครั้งต่อวันหรือจะทำในช่วงเวลาก่อนนอนก็ได้

  1. กินสารสกัดจากเมล็ดองุ่น

คุณสามารถขอคำแนะนำจากแพทย์เพื่อรับประทานสารสกัดจากเมล็ดองุ่นได้ เนื่องจากสิ่งนี้สามารถช่วยบรรเทาอาการบวมน้ำหากสาเหตุที่เกิดขึ้นมาจากการทำงานของหลอดเลือดดำและเส้นเลือดขอด รวมถึงยังช่วยลดความดันโลหิตได้เช่นกัน


ภาวะแทรกซ้อนของอาการบวมน้ำ

อาหารลดบวม

หากคุณมีอาการบวมน้ำและไม่ได้เข้ารับการรักษา นอกจากจะทำให้ร่างกายมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นแล้วมันยังสามารถก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น

  • เดินลำบาก
  • รู้สึกเจ็บปวดตามร่างกายและมีอาการบวมมากขึ้น
  • คันตามตัวเพราะผิวหนังแห้งตึงเกินไป
  • อาจเกิดแผลเป็นบริเวณช่องว่างระหว่างเนื้อเยื่อได้
  • ข้อติดแข็ง
  • ระบบการไหลเวียนโลหิตลดลง ทำให้ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดแดง เส้นเลือด ข้อต่อ หรือกล้ามเนื้อลดลง
  • หากมีแผลพุพองตามผิวหนัง อาจเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

อาหารลดบวม 10 ผักและผลไม้ที่ช่วยลดอาการบวมน้ำ 

อาหารลดบวม

อาการตัวบวมน้ำหรือพุงป่องเนื่องจากท้องอืด สาเหตุเกิดจากการกินอาหารรสเค็มรสจัดหรือพวกอาหารแปรรูป ซึ่งอาหารดังกล่าวมีโซเดียมสูง เมื่อร่างกายได้รับโซเดียมในปริมาณมากก็จะทำการเก็บน้ำเอาไว้เพื่อขับโซเดียมส่วนเกินออก จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมร่างกายถึงรู้สึกตัวบวมขึ้น สำหรับการลดอาการตัวบวมนั้นก็มีหลากหลายวิธี อย่างเราจะมาแนะนำ 10 ผักและผลไม้ที่ช่วยลดอาการบวมน้ำและช่วยขับโซเดียมได้ดีจะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย

  • กล้วย

กล้วยนอกจากจะให้พลังงานมากแล้ว ยังมีโพแทสเซียมสูง เป็นแหล่งของไฟเบอร์สูง มีวิตามินและสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิดอย่างวิตามินบี1 และบี2 ซึ่งมีส่วนช่วยควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย ช่วยเรื่องระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก และยังช่วยบรรเทาอาการท้องอืดได้ด้วย

  • แตงกวา

แตงกวาเป็นผักที่มีน้ำเยอะ มีฤทธิ์ช่วยขับปัสสาวะ ในแตงกวาจะมีสารเควอซิทิท (quercetin) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติช่วยลดอาการบวมที่เกิดจากการสะสมน้ำในร่างกายเกินความจำเป็น และยังมีวิตามินซีที่ดีต่อผิวช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้

  • อะโวคาโด

อะโวคาโดเป็นกรดไขมันชนิดดี (HDL) มีโพแทสเซียมสูง มีน้ำตาลน้อย มีโปรตีนสูงกว่าผลไม้ชนิดอื่น ซึ่งเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย มีเส้นใยอาหารสูงและละลายน้ำได้ ซึ่งช่วยในการย่อยแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร ไม่ทำให้เกิดกรดเกินในกระเพาะอาหาร ทำให้การย่อยอาหารดีขึ้นและช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี

  • มะเขือเทศ

มะเขือเทศอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ในมะเขือเทศมีน้ำค่อนข้างเยอะจึงช่วยขับปัสสาวะ ลดอาการบวมน้ำในร่างกาย ช่วยควบคุมสมดุลของเหลวในเซลล์และเนื้อเยื่อ ช่วยลดอาการท้องอืดได้ดี

  • กีวี

กีวีมีวิตามินสูง และมีโพแทสเซียมสูงด้วย ในกีวีจะมีสารเอนไซม์แอกทินิดิน (actinidin) ซึ่งเป็นเอนไซม์ธรรมชาติที่ช่วยย่อยโปรตีน รวมทั้งเป็นแหล่งเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำช่วยเพิ่มความสามารถในการย่อยอาหาร ป้องกันไม่เกิดอาการท้องอืด

  • ฟักเขียว

สรรพคุณของฟักเขียวมีรสเย็น ฉ่ำน้ำ แก้กระหาย ผลและเมล็ดของฟักเขียวสามารถช่วยลดอาการบวมน้ำ มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ลดความร้อนในร่างกาย และยังแก้อาการอืดแน่นท้องได้ด้วย

  • หน่อไม้ฝรั่ง

มีสรรพคุณในการช่วยกระตุ้นการผลิตปัสสาวะ ช่วยลดอาการบวมน้ำ ทำหน้าที่เป็นยาขับปัสสาวะเพื่อช่วยให้ร่างกายขับส่วนเกินของร่างกายน้ำได้ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นพืชที่ไม่มีโซเดียมตามธรรมชาติ

  • ผักใบเขียว

ผักใบเขียวมีส่วนผสมของแมกนีเซียม ช่วยในการย่อยและดูดซึมสารอาหาร โดยเฉพาะพวกโซเดียม แคลเซียม โพแทสเซียม และฟอสเฟต รวมทั้งช่วยปรับสมดุลของเหลวในร่างกายได้

  • สับปะรด

สับปะรดอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยในการขับปัสสาวะ รักษาอาการบวมน้ำ และมีคุณสมบัติช่วยย่อยอาหารจำพวกโปรตีน ช่วยแก้อาการท้องผูก ลดอาการแน่นท้อง ดีต่อการทำงานของระบบขับถ่าย

  • ส้ม

ส้มเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ให้ประโยชน์หลายอย่างต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการช่วยสร้างภูมิคุ้มกันจากวิตามินซี มีโพแทสเซียมสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการปรับระดับน้ำตาลในเลือด ช่วยลดความดันเลือดและดีต่อหัวใจ ช่วยควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย ช่วยกำจัดของเสีย และมีกากใยอาหารสูง ซึ่งช่วยในระบบขับถ่าย


วิธีหนึ่งที่จะช่วยลดอาการบวมได้นั่นคือ การรับประทานผักและผลไม้ เพราะในผักและผลไม้จะมีสารอาหารและสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ที่สามารถช่วยลดอาการบวมได้ แต่ในผักและผลไม้ก็มีสารโพแทสเซียมสูง หากเป็นโรคไตอาจจะต้องระมัดระวังในการทานเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตามวิธีที่จะป้องกันไม่ให้เกิดอาการตัวบวมได้ดีที่สุด ก็คือเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ ลองดูฉลากโภชนาการว่ามีปริมาณโซเดียมสูงหรือไม่ ใช้เครื่องปรุงโซเดียมต่ำ  หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดและมีโซเดียมสูง ไม่ควรทานโซเดียมเกิน 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะโซเดียมนี่เองที่เป็นปัจจัยหลักของการเกิดอาการบวมน้ำ ที่สำคัญดื่มน้ำให้มาก ๆ หรือทานผักผลไม้เพื่อช่วยขับโซเดียมออกจากร่างกาย พร้อมทั้งออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี 


อ้างอิง : 

https://www.bigc.co.th/blog/th/7-edema-fat-girl/ 

https://www.pobpad.com/อาการบวมน้ำ-edema 

https://www.sanook.com/women/109541/

https://health.kapook.com/view234263.html

 

Categories
BEAUTY

วิธีทําให้ผมยาวเร็ว พร้อมสะบัดผมแบบปังๆ

วิธีทําให้ผมยาวเร็ว พร้อมสะบัดผมแบบปังๆ

ผมยาวสลวยเป็นเสน่ห์ที่สาว ๆ หลายคนหลงรัก เพราะผมยาวไม่ว่าไปที่ไหนก็ดึงดูดสายตาของคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี แต่การที่จะมีผมยาวสำหรับบางคนแล้วรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากแสนยาก เพราะกว่าจะดูแลผมให้ยาวได้ดั่งใจต้องใช้เวลานาน แถมบางทีผมก็แตกปลายจนต้องตัดใจตัดทิ้ง สำหรับสาว ๆ ที่อยากมีผมยาวแบบปัง ๆ วันนี้เรามี วิธีทําให้ผมยาวเร็ว และผมมีสุขภาพดีมาฝากกัน


วิธีทำให้ผมยาวเร็ว

วิธีทําให้ผมยาวเร็ว

ปกติผมของคนเราจะยาวเดือนละประมาณ 2-3 เซนติเมตรต่อเดือนหรือประมาณ 0.3-0.4 มิลลิเมตรต่อวัน โดยการเจริญเติบโตของผมจะแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงเจริญเติบโต,ช่วงพักและช่วงผมร่วง ซึ่งช่วงที่เราสมารถเร่งความยาวของเส้นผมได้ก็คือ ผมที่อยู่ในช่วงการเจริญเติบโตนั้นเอง โดยปัจจัยที่จะทำให้ผมยาวเร็วและแข็งแรงจะขึ้นอยู่กับ

  1. เพิ่มความแข็งแรงของรากผม รากผม คือ จุดกำเนิดของเส้นผม ดังนั้นหากต้องการให้ผมยาวเร็ว คุณจะต้องดูแลรากผมให้มีความแข็งแรง ด้วยการกินอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุเข้าไปช่วยบำรุงรากผม อย่าง ธัญพืช งา ถั่ว เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง นม ซีส โยเกิร์ต ผักใบเขียวและไข่ไก่ เป็นต้น เมื่อรากผมแข็งแรง ผมที่งอกออกมาก็จะแข็งแรงอยู่บนหนังศีรษะได้นานขึ้นและยาวมากขึ้นได้
  2. การทำความเส้นผมและหนังศีรษะ เมื่อเส้นผมงอกออกมาจากรูขุมขนแล้ว เราจำเป็นต้องดูแลเส้นผมและหนังศีรษะให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันเชื้อราและสิ่งสกปรกเข้าไปทำร้ายเส้นผม ทำให้เส้นผมโดนทำร้ายจนอ่อนแอและหลุดร่วงไปก่อนเวลา ซึ่งการทำความสะอาดจะต้องใช้ยาสระผมที่อ่อนโยนต่อผมและหนังศีรษะ ทำการสระผมวันละ 1 ครั้งและเป่าผมให้แห้งทุกครั้งหลังสระผม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราบนหนังศีรษะ 
  3. การบำรุงเส้นผม การเร่งความยาวเส้นผมให้ยาวขึ้น คุณจะต้องเพิ่มอาหารให้กับเส้นผมอยู่เสมอ โดยการใช้ครีมนวดผม เซรั่มบำรุงผมหรือทรีตเม้นต์บำรุงผมเป็นประจำทุกครั้งหลังจากสระผม เพื่อให้ผมได้รับสารอาหารเข้าไปบำรุงอย่างทั่วถึง เมื่อเส้นผมได้รับสารอาหารที่เพียงพอจากการบำรุงย่อมมีการเจริญเติบโตที่มากขึ้นและคงอยู่บนศีรษะของเรานานขึ้น แบบนี้ผมยาว ๆ ก็จะอยู่กับเรานานขึ้นไปอีก 

จะเห็นว่าหากต้องการให้ผมยาวเร็วขึ้น เป็นเรื่องที่ไม่ยากและเราสามารถทำได้ด้วยตนเอง ด้วยการดูแลรากผมให้แข็งแรง ทำความสะอาดและบำรุงเส้นผมอย่างสม่ำเสมอ เพียงเท่านี้ผมของคุณก็จะยาวเร็วขึ้นอย่างแน่นอน 


เคล็ดลับเร่งผมยาว  วิธีทําให้ผมยาวเร็ว

วิธีทําให้ผมยาวเร็ว

การเพิ่มอาหารให้กับเส้นผมถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผมยาวเร็วขึ้น ซึ่งสารอาหารที่ช่วยให้ผมยาวมีอยู่หลายชนิด แต่ที่ได้รับการยืนยันแล้วว่าช่วยเร่งผมยาวอย่างได้ผลก็คือ คอลลาเจน โดยประโยชน์ของคอลลาเจนต่อเส้นผมมีดังนี้

  1. ช่วยป้องกันผมร่วง คอลลาเจนมีคุณสมบัติเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นดีที่เข้าไปยับยั้งการทำงานของอนุมูลอิสระที่เข้ามาทำร้ายเส้นผมอย่างได้ผล เรียกว่าเป็นเกราะป้องกันชั้นดีสำหรับเส้นผม ป้องกันปัญหาผิวที่ทำให้ผมร่วง ผมบางได้เป็นอย่างดี หากอยากรู้ว่าทำไมผมร่วง อ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ สาเหตุผมร่วง
  2. เพิ่มความแข็งแรงของเส้นผม เส้นผมมีองค์ประกอบของโปรตีนเป็นหลัก ซึ่งคอลลาเจนก็เป็นหนึ่งในโปรตีนที่เป็นส่วนประกอบของเส้นผม เมื่อร่างกายมีคอลลาเจนทีเพียงพอจึงทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง เงางาม มีน้ำหนักและยาวเร็วขึ้น ดังนั้นหากต้องการให้ผมยาวเร็วขึ้นจะต้องกินอาหารที่มีคอลลาเจนสูง ๆ หรือเลือกกินอาหารเสริมคอลลาเจนเป็นประจำ

เมื่อรู้ว่าคอลลาเจนมีประโยชน์ช่วยเร่งให้ผมยาวเร็วขึ้นได้ แบบนี้รับประทานคอลลาเจนอย่าให้ขาดกันนะ แล้วผมของคุณจะยาวสลวยแบบที่ใครเห็นต้องร้องว้าว !!! แน่นอน


วิธีการดูแลเส้นผม

 

วิธีทําให้ผมยาวเร็ว
เมื่อผมยาวได้ดังใจแล้ว การรักษาผมให้มีเงา นุ่มและมีน้ำหนักก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากผมยาวแต่สุขภาพไม่ดี ย่อมไม่เป็นที่ต้องการ ซึ่งการจะทำให้ผมดูดีเรามีวิธีการดูแลเส้นผมดังนี้
  1. สระผมเป็นประจำ ควรทำการสระผมทุกวันหรือวันเว้น เพื่อชะล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนหนังศีรษะให้หมดไป เป็นหนึ่งในวิธีแก้ผมมันเหนียวที่ทำให้ผมยาวเร็วได้
  2. เลือกยาสระผมสูตรอ่อนโยน เพื่อความปลอดภัยของเส้นผมและหนังศีรษะ ควรเลือกใช้ยาสระผมสูตรอ่อนโยนต่อหนังศีรษะและเส้นผม เพราะยาสระผมที่มีสารเคมีรุนแรงจะทำให้ผมเสียได้ง่าย
  3. นวดหนังศีรษะทุกครั้งที่สระผม การนวดหนังศีรษะเป็นการกระตุ้นให้เลือดมาเลี้ยงรากผมให้มากขึ้น เพราะความเครียด สิ่งสกปรกและมลพิษต่าง ๆ จะทำให้เลือดมาเลี้ยงรากผมได้น้อย ทำให้รากผมอ่อนแอ ซึ่งการนวดหนังศีรษะขณะสระผมจะช่วยให้รากผมแข็งแรงมากขึ้น 
  4. บำรุงผมทุกครั้ง หลังสระผมควรทำการบำรุงผมด้วยครีมนวด เซรั่มหรือทรีตเมนต์เป็นประจำ เพื่อให้ผมได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่ 
  5. หวีเบา ๆ การหวีผมควรหวีเบา ๆ ให้ทั่วหนังศีรษะ อย่าหวีรุนแรง เพราะจะทำให้ผมขาดร่วงและหนังศีรษะเกิดการอักเสบได้ และควรเลือกหวีที่เป็นปุ่มเล็ก ๆ ที่บริเวณปลายหวี เพื่อใช้เป็นตัวนวดและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดบนศีรษะด้วย

จะเห็นว่าการดูแลเส้นผมนั้นไม่ยากเลย และเมื่อคุณดูแลเส้นผมอย่างดีแล้ว เส้นผมของคุณก็จะยาวเร็วขึ้น มีน้ำหนัก แลดูเงางามแบบที่คุณต้องการอย่างแน่นอน


ที่มา

https://www.watsons.co.th/

https://www.pobpad.com